น่าจะเป็นเรื่องสยองขวัญสำหรับหลายๆ คน กับคู่หูดับเบิ้ล D ที่มีชื่อว่า DLC ที่ย่อมาจาก “เนื้อหาคอนเท้นดาวโหลดเสริม” และ DRM หรือตัวที่จะล็อคจำกัดสิทธิในการลงติดตั้งเกม ซึ่งเป็นที่รู้ๆ กันดีว่า คู่หูดับเบิ้่ลดีนั้นบางเกมก็ทำออกมาไม่ได้เรื่อง อารมณ์ทำมาหลอกดูดเงินคนเล่น ส่วน DRM ไม่ต้องพูดถึง มันคือระบบป้องกันของเถื่อน แต่บางอย่างก็บีบบังคับคนเล่นซะจนน่าปวดหัว เช่นบังคับต่ออินเตอร์เน็ตตลอดเวลาอะไรแบบนี้เป็นต้น
ซึ่งเรื่องคู่หูดับเบิ้ล D นั้น ทางทีมงานพัฒนาเกมหงอกเหี้ยมหื่นอย่าง The Witcher 3 ก็ได้ออกมาพูดถึงเรื่องนี้ว่า เขาไม่ได้ชอบไอ้คู่หูดับเบิ้ล D เลย เขาทำเกมออกมาเพราะเขารักเกม และต้องการให้คนซื้อเกมของเขาไปเล่นรักเกมของเขาด้วย ไม่ใช่ใส่เข้าไปเพื่อให้คนเล่นเกลียดเกมของเขามากขึ้นกว่าเดิม
“เราไม่ได้อยากบังคับใคร เราต้องการให้เกมเมอร์เชื่อใจเรา และพวกเราไม่เชื่อว่า DRM จะทำให้คนเล่นเชื่อใจเราได้ เพราะมันไม่สามารถป้องกันอะไรได้เลย เอาตรงๆ นะ สุดท้ายเกมยังไงก็ถูกแคร๊กอยู่ดี ถ้าคุณอยากจะเป็นโจรสลัดนัก ก็หาทางเอง คุณก็ต้องเจออุปสรรคต่างๆ นาๆ เอง แต่ถ้าคุณคือเกมเมอร์จริงๆ และต้องการจะซื้อเกมของเรา เราจะวางอุปสรรคไว้ให้คุณทำไม” ทางทีมงานกล่าว
“ส่วน DLC นะเหรอ ? มันมีเนื้อหากระจ๊อยเดียว ถ้ามันมีเนื้อหาเล็กมากๆ คุณจะแงะมันออกมาขายทำไม ? คุณก็ให้ฟรีไปสิ ผมรู้ว่ามันอาจจะไม่ง่าย แต่ถ้าคุณต้องการจะให้ของขวัญกับเกมเมอร์ เนี่ยแหละคือของขวัญที่จะมอบให้พวกเขาได้” ทางทีมพัฒนากล่าวเสริม
โดยหลังจากจบโปรเจคเกม The Witcher 3 แล้ว ทางทีมงานก็จะไปพัฒนาเกม Cyberpunk 2077 ต่อ ซึ่งเป็นเกมที่วางแผนในการเอาลง PC และยังไม่มีข่าวว่าจะลงกับเครื่องอย่าง PlayStation 4 และ Xbox One รึเปล่า แถมยังไม่มีกำหนดด้วยว่าจะวางขายตอนไหน แต่แจ้งกลับมาแค่ว่า “มันต่างจากเกมซีรี่ย์ Witcher แต่มันก็ยังคือเกม RPG”
สำหรับเกม The Witcher 3 ที่พวกเขากำลังพัฒนาอยู่นั้นจะไม่มี DLC และฟรี DRM โดบตัวเกมนั้นจะเล่นได้กว่า 100 ชั่วโมง และก็ได้บอกว่าเอากลับมาเล่นซํ้า 35 รอบก็ยังไม่น่าเบื่อเพราะเกมมีเนื้อหาซ่อนมากมาย ซึ่งตัวเกมนั้นมีกำหนดวางขายในวันที่ 24 ก.พ. ปีหน้านี้ในราคา 1,490 บาท
Resource
– IGN
