บุคคลสาธารณะ กับการวางตนให้เหมาะสมในวงการ

เมื่อวันที่ 22 พ.ย. ที่ผ่านมานั้น ได้มีประเด็นเกี่ยวกับ DJ ของทาง TalkTalk ขึ้นมาอีกครั้ง โดยหลังจากที่มีข่าวการ “ชวนกินไอติม” กลางดึกมาแล้ว ครั้งนี้มี DJ สาวของทางช่อง TalkTalk อายุ 16 ปี (แต่หุ่นเช้งเหมือน 20 ต้นๆ) ที่ได้เข้าผับ ขับรถ รวมไปถึงการแต่งกายที่ไม่เหมาะสมเข้าวัดอาราม และเป็นประเด็นในเว็บบอร์ดชื่อดังอย่าง Pantip จนต้นสังกัดได้ประกาศให้งดจัดรายการ DJ คนดังกล่าวถึง 1 เดือนนั่นเอง และจากเหตุการณ์นี้มันก่อให้เกิดคำถามมากมาย เกี่ยวกับความเหมาะสมของ “DJ” หรือ “บุคคลสาธารณะ” ว่า แท้จริงแล้ว บุคคลที่มีชื่อเสียงเหล่านี้ ควรมีบทบาทวางตัวอย่างไรให้เหมาะสมในวงการ

ก่อนอื่นมาดูคำว่าบุคคลสาธารณะกันก่อน ซึ่งคำนี้จะหมายถึงคนที่เป็นที่รู้จัก มีชื่อเสียง ทำงานสื่อ หรืออะไรก็ตามที่มีการปรากฎตัว มีผู้ติดตามเป็นจำนวนมาก ซึ่งสำหรับ DJ ของทาง TalkTalk ซึ่งเป็นหนึ่งในแพล็ตฟอร์มแอพพลิเคชั่นที่มีผู้ติดตามและใช้งานเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะเด็กๆ เนื่องจากว่า TalkTalk นั้นเป็นแพล็ตฟอร์มที่พัฒนาโดย Garena ซึ่งเป็นผู้ให้บริการเกมอำดับต้นๆ ในเมืองไทยและมีเด็กๆ มาเล่นเกมในค่ายนี้เป็นจำนวนมาก

คำว่า DJ นั้นไม่ได้แปลว่าเป็นคนที่เปิดเพลงตามสถานบันเทิงหรือในสถานีวิทยุ แต่เป็นคนดำเนินรายการที่จะสร้างความบันเทิงให้กับผู้ชม ไม่ว่าจะเป็นการเล่นเกมโชว์ , ร้องเพลง , เต้น , พูดคุยสัพเพเหระ ซึ่ง DJ คนไหนที่จัดรายการสนุก น่าติดตามก็จะมีคนติดตามเป็นจำนวนมาก ซึ่งระบบก็จะมีการเติมเงินเพื่อซื้อของให้กับ DJ สร้างรายได้ให้กับทาง DJ อีกด้วย

แน่นอนว่า ในเมื่อ DJ เป็นคนจัดรายการ เป็นคนที่มีคนรู้จัก มีคนติดตาม ก็ย่อมเป็นบุคคลสาธารณะ

ช่วงเวลาที่ผ่านมานั้น เหตุการณ์ชวนเด็กสาวกินไอติมยามดึก และรวมไปถึงล่าสุดที่ทางน้อง Dj ได้เข้าผับ , ขับรถโชว์ หรือเข้าวัดแต่แต่งกายไม่เหมาะสม ทั้งๆ ที่อายุแค่ 16 ปี (แต่บอดี้คนละจักรวาล) นั้น มักจะเกิดขึ้นจากการใช้เวลา “ส่วนตัว” ของ DJ แต่ละคน ซึ่งคำว่า “เวลาส่วนตัว” นั่นหมายถึง “นอกเวลางาน” ซึ่งในทางหลักแล้ว แต่ละคนย่อมมีเวลาส่วนตัวที่จะไปทำเรื่องส่วนตัว ก็ไม่น่าจะเกี่ยวกับงาน แต่ในฐานะที่เป็นบุคคลสาธารณะ มีคนที่ติดตามเป็นจำนวนมาก ดังนั้นถึงจะเป็นเรื่องส่วนตัว ยังไงก็มีคนเห็นเหตุการณ์เป็นจำนวนมากอยู่ดี

หลายคนเกิดคำถาม (โดยเฉพาะแฟนคลับ) ว่า ในเมื่อมันเป็นเรื่องส่วนตัว มันจะเกี่ยวอะไรด้วย เขาจะทำอะไรก็เป็นเรื่องของเขา ซึ่งถามว่ามันผิดไหม ? ก็ไม่ผิดหรอก เพราะแต่ละคนย่อมมีสิทธิในการแสดงออกหรือสิทธิในดำเนินการทำอะไรต่างๆ อยู่แล้ว ซึ่งปกติก็ไม่มีใครสามารถสั่งห้ามอะไรได้

แต่สิ่งที่จะตามมาก็คือ หากบุคคลที่เป็นต้นแบบ เป็นตัวอย่าง เป็นคนที่้เรารู้จักและชื่นชม มีการกระทำต่างๆ ที่ไม่เหมาะสม จะส่งผลต่อความเชื่อและพฤติกรรมของคนที่เป็นแฟนคลับหรือคนที่ติตดามได้

ขออนุญาตยกตัวอย่างง่ายๆ ทุกคนย่อมรู้ว่า ผับไม่อนุญาตให้คนอายุตํ่ากว่า 18 ปีเข้าไป เนื่องจากว่าภายในผับนั้นจะมีการจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ซึ่งเครื่องดื่มแอลกอฮอล์นี้ก็ไม่อนุญาตวางจำหน่ายให้คนที่อายุตํ่ากว่า 18 เนื่องจากว่ามันเป็นสิ่งของมึนเมา และจะส่งผลกับระบบประสาท ระบบสุขภาพ ทำให้คนที่ดื่มเข้าไปอาจขาดสติ ก่อเกิดปัญหาอาชญากรรมได้ เรื่องนี้ทุกคนรู้ดี

แต่พอเห็นว่า มีคนที่เรารู้จัก เราชื่นชม เข้าไปในผับได้ ก็ต้องเกิดความคิดว่า ไม่เห็นเป็นไรเลย ขนาดพี่เขาอายุไม่ถึงยังเข้าไปได้เลย ผลที่จะเกิดขึ้นตามนี้ก็คือ จะทำให้เด็กๆ น้องๆ หลายคนเปลี่ยนความคิดว่ามันสามารถเข้าผับได้ เข้าไปซื้อเครื่องดื่มแอลกอฮอล์มาดื่มกันได้

อย่าลืมนะครับว่า ปัญหาอาชญากรรมทั้งหลาย และส่วนใหญ่แล้วทั้งอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นก็มาจากการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทั้งนั้น ถึงบางคนจะบอกว่า คอแข็ง หรือดื่มแล้วไม่เมาง่ายๆ แต่จะมีอะไรเป็นหลักคํ้าประกันหละว่าดื่มแล้วจะไม่เมาหรือคุมสติได้ทุกครั้งจริงๆ ?

กรณีล่าสุดที่้เป็นประเด็นขึ้นมาด้วย เพราะ DJ คนดังกล่าว มีภาพถ่ายขณะขับขี่รถยนต์ ซึ่งอายุยังไม่ถึงด้วย ซึ่งว่ากันตามกฎหมายแล้ว แน่นอนว่าผิดเต็มๆ (แถมเป็นภาพถ่ายซึ่งเป็นหลักฐานชั้นดีด้วย) แม้ว่าบางคนจะบอกว่า มันก็เป็นเรื่องของกฎหมาย แต่ก็ต้องถามแหละครับว่า “ในเมื่อเป็นบุคคลสาธารณะแล้ว จะถูกกฎหมายหรือผิดกฎหมายก็ตาม เราควรจะแสดงตัวตนในทางที่ ดี หรือ ไม่ดี กับแฟนคลับ หรือผู้ชมของเรากันแน่ ?”

ถ้ามีความคิดว่า “ไม่เห็นเป็นไรเลย มันเป็นหน้าที่ของคนดูที่จะต้องแยกแยะเอง เราไม่เกี่ยว” ถ้าจะมีมุมมองแบบนั้น ก็ย่อมหมายถึงหายนะ เพราะบุคคลสาธารณะย่อมต้องเป็นแบบอย่างที่ดีกับเยาวชน ยิ่งถ้าในองค์กรหรือต้นสังกัดมีเป้าหมายเพื่อก่อให้เกิดสิ่งที่ดีในสังคมด้วยแล้ว ก็ย่อมสมควรเป็นแบบอย่างที่ดีกับเยาวชนด้วย

หรือ ถ้าอยากจะทำจริงๆ ก็ต้องทำในพื้นที่ส่วนตัว (เช่นโปรไฟล์ส่วนตัวที่ไม่ใช่โปรไฟล์สาธารณะ) อย่าให้น้องๆ เยาวชนเห็นจะเป็นการดีที่สุด เป็นการหลีกเลี่ยงปัญหาที่จะเกิดขึ้นเป็นดราม่าอีกด้วยครับ

เพราะอย่าลืมว่า…. คนทำไม่ดีแค่คนๆ เดียว มันสามารถลามให้คนทั้งวงการ “เป็นแพะ” หรือ “เน่า” ได้ทั้งวงการครับ

ที่มา
– http://pantip.com/topic/34470576
– https://www.facebook.com/Golffyfifa/posts/941470332602262?hc_location=ufi