หลังจากที่ตัวเกม Harry Potter ภาค 7.1 ทำเอาแฟนเกมและแฟนๆ Harry potter ใจสลาย ด้วยการนำเสนอเกมเพลสุดห่วยจนหลุดออกทะเลไปไหนก็ไม่รู้ (เอาง่ายๆ ตูรับไม่ได้) และในเมื่อตัวเกม Lego ภาคแรก (ปี 1 – 4) ทำมาตราฐานออกมาได้ยอดเยี่ยม จึงไม่น่าแปลกที่ผมจะคาดหวังกับภาค 2 (ปี 5 – 7) ในการปิดตำนานได้สมบูรณ์แบบกว่าเกมต้นฉบับ ถ้าถามว่า ทำออกมาดีที่คาดหวังไหม ? ใช่ครับ แต่ไม่ทั้งหมด
สำหรับเนื้อเรื่องในภาค Year 5 – 7 นี้ได้สานต่อจากเหตุการณ์ใน Year 1 – 4 เอาไว้ตามฉบับภาพยนต์ทุกอย่าง นั่นก็คือ จะเริ่มเข้าสู่เรื่องราวที่หนักขึ้นแล้วก็ดราม่ามากขึ้น ดาร์ตขึ้น ตัวเกมยังคงนำเสนอเกมเพลที่เรียบง่ายและเข้าใจรวดเร็วเหมือนภาค 1 – 4 เอาไว้ไม่มีผิด
แต่ทั้งนี้ก็ต้องยอมรับว่าการนำเสนอเกมเพลแบบนี้เป็นจุดอ่อน เพราะมันทำให้ไม่มีอะไรแปลกใหม่เลยแม้แต่น้อย ทุกอย่างเมื่อคุณเริ่มเข้าเกมมา คุณจะเจอเกมเพลที่สนุกสลับกับความน่าเบื่อชวนง่วงตลอดเวลา ยิ่งตัวเกมเพล การเล่นแทบไม่แตกต่างอะไรจากภาคที่แล้ว ความคุ้นเคยเป็นสิ่งที่ดีเพราะจะทำให้คนเล่นปรับตัวได้อย่างรวดเร็ว แต่ข้อเสียก็คือมันซํ้าซากนั่นเอง
ครึ่งแรกของตัวเกม (ภาค 5 – 6) ทำออกมาได้สนุกสลับกับธรรมดา แต่พอเริ่มต้นภาค 7.1 ตัวเกมเริ่มนำเสนอสิ่งใหม่ๆ เกมเพลใหม่ๆ มาให้คนเล่นมากขึ้น จึงทำให้ตัวเกมเพลสนุกมากยิ่งกว่าเดิมและตื่นเต้นขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งช่วงสุดท้ายของเกม เรียกได้ว่าครึ่งหลังของตัวเกม (ภาค 7.1 – 7.2) นี่เป็นตัวที่กู้หน้ากู้ตาทำให้ตัวเกมออกมาสนุกสนานได้อย่างดี
ตัวเกมเพลหลายส่วนได้รับการปรับปรุงให้มีการเล่นที่สนุกขึ้น ยอมรับว่าฉากหลายฉากจากภาพยนต์ได้นำมาพัฒนาตัวเกมเพลให้มีเอกลักษณ์เฉพาะของ LEGO ได้อย่างกลมกลืน แต่ข้อเสียที่อยากติหน่อยก็คือ ฉากบางฉากได้เล่าเรื่องเร็วไปโดยไม่ทันได้บอกรายละเอียดที่ตรงกับภาพยนต์เท่าไหร่นัก ซึ่งต่างจากภาค 1 – 4 ที่ยังเก็บเรื่องราวหลักๆ เอาไว้ได้ครบ ทำให้คนไหนที่ไม่ดูภาพยนต์มาเลย หรือดูแล้วจำไม่ค่อยได้ จะมึนกับเนื้อเรื่องได้ง่ายๆ
อันที่จริงการนำเสนอเนื้อเรื่องของสุดยอดนิยาย Harry Potter เรื่องนี้่มาในรูปแบบของเกม LEGO ก็นับได้ว่าทำได้ดี โดยเฉพาะการถ่ายทอดเรื่องราวของโลกเวทมนต์ออกมาได้อย่างสมบูรณ์ ติดที่ว่า ตัวเนื้อเรื่องภาค 5 – 7 นั้นเป็นแนวดาร์ต หนักขึ้น และดราม่าขึ้น การล้อเลียนจิกกัดตันฉบับหลายส่วน โดยส่วนตัวของคนเขียนแล้ว “ไม่สมควรถูกนำมาล้อเลียน”
ตัวเกม LEGO นั้นมีความต่างจากภาพยนต์ล้อเลียนต่างๆ นั่นก็คือ มุขที่ล้อเลียนต่างๆ ยังมีความเคารพต้นฉบับอยู่ แต่ทั้งนี้เนื่องจากตัวเนื้อเรื่องที่ออกมาหนักขึ้นและดราม่า พอเข้าใจว่าผู้พัฒนาเกมคงไม่อยากให้คนเล่นรู้สึกเครียด เลยใส่ให้มันออกมาฮาๆ แต่สำหรับคนเขียนที่เป็นแฟน Harry Potter อ่านมาตั้งแต่หนังสือเล่ม 1 แล้วนั้นต้องบอกว่า “ไม่ขำ” เลยครับ โดยเฉพาะฉากการตายของบุคคลสำคัญที่อยู่คู่กับแฟนๆ มาเป็นสิบปี บางฉากนำมาล้อเลียนเสียจนเกือบจะรับไม่ได้ ตรงจุดนี้เห็นทีทางผู้พัฒนาจำเป็นจะต้องพิจารณาต่อไปแล้วว่า ภาพยนต์เรื่องต่อไปที่มีฉากดราม่า ควรจะทำออกมาแบบใด (สำหรับคนเขียนคิดว่า ควรจะให้เป็นไปตามบทเดิม)
ในส่วนของการเล่นต่างๆ ยังคงพัฒนาสมองคนเล่นและเรียกความสนุกสนานมาได้เช่นเคย ซึ่งก็ต้องบอกว่าเกมเพลหลายๆ ฉากยังทำออกมาดูดีกว่าเกมที่เป็นฉบับคนแสดงเสียอีก โดยการสร้างกลิ่นอายของ “เวทมนต์” ออกมาได้ดีกว่าโดยที่ไม่ทำให้ตัวเกมออกทะเล แน่นอนว่าน้องๆ หนูๆ ยังสามารถเข้าถึงได้ไม่ยากเย็นอะไรนัก
ข้อติอีกอย่างที่สังเกตเหมือนกันก็คือ ฉากไคลแมกซช่วงท้ายๆ ของเกมยังทำออกมาไม่ได้อลังการเมื่อเทียบเท่ากับในหนัง ซึ่งก็ต้องเรียนบอกจากความรู้สึกส่วนตัวของคนเขียนว่า Harry Potter คือตำนานภาพยนต์ที่อยู่คู่ชาวโลกมาเป็นสิบปี การปิดฉากก็ควรที่จะทำให้ดีกว่านี้ จึงทำให้การปิดฉากทำออกมาไม่เวิร์คเมื่อเทียบกับเกม LEGO ภาคอื่นๆ แต่ในส่วนของเกมเพลก็ต้องยอมรับว่า จัดเต็มจวบจบวินาทีสุดท้ายเลยทีเดียว เพราะมันสนุกจนคุณอาจจะลืมค้นหาของปลดล็อค ลืมค้นหาเหรียญ LEGO สะสม คนเล่นอาจจะไม่อยากปิดเกมแล้วต้องเล่นต่อจนจบด้วยซํ้า และที่น่าชื่มชมก็คือ ฉากไคลแมกซ์ของภาค 7.2 ทั้งภาคนั้นทำออกมาได้ค่อนข้างถูกคอเกมเมอร์ที่ชอบแนวแอ็คชั่นและให้เล่นกันยาวๆ โดยไม่มีการตัดหรือเร่งให้จบแต่อย่างใด
ในส่วนของการรีวิวเกมนี้ทางคนเขียนเองก็คงจะเขียนได้แค่นี้ เนื่องจากตัวเกมนั้นก็ไม่ได้ต่างจากภาค ปี 1 – 4 เท่าไหร่นัก และอาจจะเป็นบทความที่ตัวคนเขียนอาจจะยึดความรู้สึกตนเองในฐานะแฟนของ Harry Potter มากเกินไป แต่ถ้าถามว่าเทียบกับตัวเกม Harry potter ภาคคนแสดงแล้วนั้น คนเขียนเชียร์ให้มาเล่นภาคนี้ดีกว่า เพราะตัวเกมยังคงสนุก ตลก แอ็คชั่นแบบจัดเต็มในรูปแบบของ LEGO แต่สำคัญก็คือ มีกลิ่นอายของความเป็นโลกของพ่อมดแม่มดโดยที่ตัวเกมไม่ออกทะเลครับ
ข้อดี
– คงคอนเชปเหมือนภาคปี 1 – 4 คนเล่นจะคุ้นเคยกับระบบอย่างรวดเร็ว
– เกมเพลหลากหลายขึ้น สนุกขึ้น โดยเฉพาะครึ่งหลังที่มีให้แบบจัดเต็ม
– เปลี่ยนฉากมุมมองในบางฉากเพื่อให้ตัวเกมไม่รู้สึกซํ้าซาก
– มีเอกลักษณ์ของโลกเวทมนต์อยู่โดยไม่ออกทะเลเหมือนเกมฉบับคนแสดง
– การนำเสนอที่เข้าใจง่าย ผ่อนคลาย และสนุกสนาน
ข้อเสีย
– ครึ่งแรกกว่า 65 % ของเกมธรรมดา น่าเบื่อ ชวนง่วง เนื่องจากไม่มีอะไรแตกต่างจากภาคปี 1 – 4
– เนื่องจากเนื้อหาในภาคหลังหนักขึ้น ดาร์คขึ้น และเครียดขึ้น ฉากมุขล้อเลียนที่ทำออกมานั้นออกมาไม่ขำเอาเสียเลย และส่วนตัวของคนเขียน คิดว่าไม่ควรทำให้ออกมาขำๆ ด้วยซํ้า
– ตัวเกมนั้นกว่าครึ่งไม่มีอะไรแตกต่างจากภาคที่แล้ว ยังดีที่ยังมีการนำเสนอสิ่งใหม่ๆ มาบ้างทำให้ตัวเกมไม่รู้สึกซํ้าซาก
– บางช่วงเล่าเรื่องออกมาไม่หมด คนไหนที่ไม่ดูภาพยนต์มาก่อนหรือดูแล้วจำไม่ค่อยได้อาจจะมึนๆ ได้
สำหรับร้านอินเตอร์เน็ต สามารถซื้อมาได้ในราคา 700 บาท หรือ สามารถฝากทางร้าน topzonekeyonline ซื้อให้ได้ จะได้ราคา 590 บาทครับ ส่วนไฟล์เซฟเกมก็ยังอยู่ที่เดิม นั่นก็คือ Application Data\WB Games ครับ
ลิ้งหน้าร้านค้าบน Steam : http://store.steampowered.com/app/204120/
ลิ้งเว็บของร้าน topzonekeyonline : http://www.topzonekeyonline.com/