โดยปกติแล้วสิ่งที่เกมแนวยิงๆ จะขายได้ ถ้าไม่เป็นความมันส์สะใจในการเล่นแล้วก็ต้องขายเนื้อเรื่อง ซึ่งมีน้อยนักที่จะสามารถแสดงศักยภาพของความยอดเยี่ยมออกมาได้ และหนึ่งในเกมที่มีร้านเนตบางร้านเนตกระซิบมาถามว่าตัวเกมเป็นอย่างไรอย่าง Spec Ops : The Line ก็เป็นอีกเกมที่มีเนื้อเรื่องเข้าขั้นยอดเยี่ยมสูงมาก แต่ถามว่าเหมาะลงร้านเนตไหม ? มันไม่ได้เหมาะ 100 % หรอกครับ
Spec Ops : The Line จะพาคนเล่นไปยังเมืองดูไบที่โดนพายุทรายซัดถล่มมานานกว่า 6 เดือน จนทั้งเมืองแทบไม่เหลือซาก ตัวเอกของเรื่องซึ่งชื่นชม John Conrad เป็นเป็นนายทหารชั้นผู้ใหญ่ซึ่งเคยไปช่วยอพยพชาวเมืองดูไบออกมาตอนที่โดนพายุทรายถล่มช่วงแรกๆ สำเร็จ แต่หลังจากที่เขากลับไปเมืองดูไบเพื่อช่วยชาวเมืองอีกครั้ง เขาก็หายสาบสูญไปถึง 6 เดือน ซึ่งตัวเขาจึงได้นำลูกทีมอีกสองคนเพื่อช่วยเหลือเขากลับมาบ้าง
หากพิจารณาภาพรวมของตัวเกม (ซึ่งจะรวมไปถึงการทดลองเล่นใน DEMO ดูแล้ว) จะเห็นได้ว่าตัวเกมนั้นก็ไม่ได้ต่างอะไรจากเกมแนว TPS ทั่วๆ ไปเลย ที่ต้องสาดประเคนกระสุนใส่ศัตรูที่บุกมากันอย่างไม่ลดละ (เอาง่ายๆ ถ้าปรับแต่งปุ่มเล็กน้อย ตัวเกมจะเหมือน BlackFire เลยหละครับ) ซึ่งแน่นอนว่าตัวเกมเพลนั้นก็ไม่ได้ดูห่วยแตก ทางกลับกัน แม้ว่ามองโดยรวมจะเหมือนเกม SHOOTING ทั่วๆ ไป แต่ก็มอบประสบการณ์ความมันให้คนเล่นกันแบบไม่กั๊ก
ไล่ตั้งแต่การไล่ยิงศัตรูด้วยอาวุธหลากหลายแบบ แม้ว่ากระสุนจะน้อยแต่ก็สามารถวิ่งเก็บกันได้ ซึ่งสร้างความท้าทายให้คนเล่นเพราะจะได้ไม่ต้องสาดมั่ว) , สามารถสั่งการลูกทีมให้จัดการศัตรูเฉพาะทางได้ หรือรวมไปถึงการใช้สภาพแวดล้อมให้เป็นประโยชน์ เช่นยิงกระจกเพื่อให้ทรายพัดถล่มใส่ศัตรูราบเป็นหน้ากลอง ซึ่งคนเล่นจะเจอกับสภาพแวดล้อมที่แตกต่างกันทั้งเกมจนเรียกหาความน่าเบื่อได้ยาก
ซากความหายนะของเมืองดูไบที่กำลังโดนธรรมชาติพิโรธโดยการโยนพายุทรายซัดถล่มนั้นทำให้ตัวเมืองกลายเป็นซากปรักหักพังเสมือนฉากในภาพยนต์แนวหายนะโลกเลยทีเดียว แม้ว่าคนเล่นจะเจอกับทรายทั้งเกม แต่ก็สร้างประสบการณ์น่าจดจำในการบุกฝ่าดงศัตรูท่ามกลางเมืองธรรมชาติและภัยพิบัติอย่างพายุทรายที่ซัดเข้าโจมตีคนเล่นจนสร้างอารมณ์ร่วมได้ไม่ยากนัก
แต่สำคัญก็คือ ตัวเนื้อเรื่องนี่สิเป็นอะไรที่ยอดเยี่ยมสุดๆ ช่วงแรกๆ ของเกมอาจจะเหมือนเกม Shooting ทั่วๆ ไป ให้คนเล่นซึมซับและทำความรู้จักกับตัวละครทั้งสามคนในเรื่อง (รวมไปถึงตัวเอกที่เราเล่น) แต่ต่อมา เนื้อเรื่องค่อยๆ ทวีความเข้มข้นมากยิ่งขึ้น และสร้างทั้งความกดดัน ความหดหู่ ความสิ้นหวัง และความสงสัยให้คนเล่น เอาง่ายๆ เนื้อเรื่องของเกมนี้จะค่อยๆ คลายปมทีละน้อย มีบิดกลับมาบ้าง แต่พอมาถึงฉากไคลแมกซ์ของเรื่อง เนื้อเรื่องเกมจะคลายปมอย่างรวดเร็วเสมือนดึงเชือกให้ตึงในคราวเดียว ซึ่งระดับความยอดเยี่ยมของเนื้อเรื่องนี้แหละที่ทำให้เกมนี้มีคุณค่าพอที่สามารถสร้างเป็นภาพยนต์เกรด A ได้สบายๆ
ทว่า ถึงเนื้อเรื่องในเกมนี้จะดีเลิศแต่ก็ต้องบอกว่าไม่ใช่แนวทางสดใสนัก เพราะเกมนี้เป็นเกมที่มีเนื้อหาที่ดราม่าเอามากๆ ชนิดที่เรียกว่าขนาดจบแบบดีแล้วยังไม่รู้สึก Happy เท่าไหร่เลย สำคัญคือ ในเกมนี้มีฉากโหดร้ายมากมาย ทั้งเนื้อเรื่องและเกมเพล ความโหดของเกมไม่ใช่ไอ้พวกฉากเห็นเครื่องในหรือฆ่าโหดอย่างเดียว แต่มันโหดระดับกระทบจิตใจของคนเล่นเลยทีเดียว (โดยเฉพาะผู้ที่ฟังภาษาอังกฤษออก) จึงทำให้ตัวเกมนี้ไม่เหมาะกับคนเล่นที่อายุไม่ถึงสิบแปด เพราะตัวเกมนี้มีเนื้อเรื่องที่เล่นจิตวิทยาคนเล่นไม่ใช่น้อย
อีกจุดเด่นหนึ่งที่เกมนี้ต้องให้การชื่นชมนั่นก็คือเสียงพากษ์ นอกจากจะได้ทีมพากษ์ชื่อดังมาพากษ์ให้ตัวละครในเกมนี้แล้ว (ตัวเอกนั้นคนพากษ์เป็นคนเดียวกับที่พากษ์ลีออนในเกมตระกูล Resident Evil) เพลงประกอบที่เข้ากับบรรยากาศของตัวเกม แม้ว่าเสียงปืนบางกระบอกจะก๊องแก๊งไปหน่อยแต่ไม่มีทางสยบกับเสียงพากษ์ตัวละครที่สร้างอารมณ์ร่วมให้กับคนเล่นถึงขีดสุด และเมื่อผสานความยอดเยี่ยมทั้งหมดแล้ว ถึงเกมนี้จะเล่นแค่ 5 – 8 ชั่วโมงจบ แต่ก็มอบประสบการณ์ที่มีคุณค่าน่าจดจำ และไม่อยากลุกไปไหนตั้งแต่เริ่มเล่นเกมจนจบเกมเลยทีเดียว
ถ้าจะนับจุดเสียแล้วก็คือตัวเกมบางช่วงเป็นสคริปมากไปจนรู้สึกแปลกๆ , ท่าแอนิเมชั่นตัวละครที่ดูตลกในบางฉากโดยเฉพาะตอนตาย , อาวุธและศพศัตรูที่ยิงได้กลับจมดินหายไปไหนก็ไม่รู้ และสำหรับคอมสเปคเก่าต้องเสียใจด้วยว่า เกมนี้มีการเก็บรายละเอียดฉากที่ค่อนข้างสูง ต่อให้เป็น Unreal Engine ก็ต้องหนืดกันอยู่ดี จึงทำให้เกมนี้ต้องมีสเปคคอมที่ดีขึ้นมาหน่อยครับ
กล่าวโดยสรุป Spec Ops : The Line มันคือเกมแนว Shooting TPS ที่โดดเด่นในเรื่องของเนื้อเรื่องและเกมเพลสุดมัน แต่ด้วยเนื้อเรื่องและฉากสุดโหดจึงไม่เหมาะกับคนเล่นที่อายุน้อย มันเหมาะกับคนเล่นที่เป็นผู้ใหญ่และคนที่ชอบเกมแนว HardCore เสียมากกว่า ซึ่งหากว่าลูกค้าร้านท่านเป็นกลุ่มเด็กโตและชื่นชอบเล่นเกมอย่าง BlackFire ละก็ ก็น่าที่จะชอบเกมนี้ได้ไม่ยากเลยครับ
จุดเด่น
– เนื้อเรื่องสุดเข้มข้นน่าติดตามตั้งแต่ต้นจนจบ
– กราฟฟิกทำออกมาได้สวยมาก เก็บรายละเอียดสูง
– เกมเพลที่อาจจะขาดอะไรไปบ้างแต่ก็เรียกประสบการณ์ความมันได้ไม่กั๊ก
– เสียงพากษ์ตัวละครที่สร้างอารมณ์ร่วมได้ดีสุดๆ
– ตัวเกมสามารถ Lan กันได้ แต่จะไม่มี BOT มาให้ (อารมณ์แนวเดียวกับ BlackFire โหมด PVP)
– มอบประสบการณ์ที่น่าจดจำหลายอย่าง
ข้อเสีย
– เนื้อเรื่องและเกมเพลมีฉากโหดและเล่นจิตวิทยาเยอะ ไม่เหมาะกับคนเล่นที่เป็นเด็ก
– มีฉากที่มีรายละเอียดเยอะจึงทำให้คอมสเปคเก่าอาจจะเล่นไม่ลื่นนัก
– บางฉากทำตามสคริปเกินไปจนดูแปลกๆ ท่าตายของศัตรูดูแปลกเช่นกัน
– หลายครั้งทั้งศพทั้งอาวุธจมหายดินไปไหนก็ไม่รู้ วิ่งกลับมาเก็บไม่ทัน
Spec Ops : The Line วางขายแล้วบน STEAM ราคา 1,050 บาท สามารถดาวโหลด DEMO มาทดสอบสเปคก่อนได้
ลิ้ง – http://store.steampowered.com/app/50300/