(หมายเหตุ : บทความนี้จะสปอยเนื้อหาของตอนที่ 1 ของเกมนี้ คนไหนที่ยังไม่ได้อ่าน สามารถไปอ่านได้ ที่นี่ )
จากแก๊งเพื่อนธรรมดา สู่การเข้ามาพัวพันกับเหตุการณ์หายนะที่จะล้างทั้งโลกของมายคราฟ สู่เส้นทางการตาามหาวีรบุรุษในตำนานเพื่อที่จะเรียกพวกเขามาช่วยกอบกู้โลก ซึ่งเนื้อเรื่องของตอนนี้ก็ได้เริ่มเข้าสู่ไคลแมตซ์ของเรื่องราวที่เกิดขึ้นแล้ว จากเดิมในตอนสองที่ยอมรับว่าไปเสียเวลาค่อนข้างนานเอาเรื่องตอนตามอดีตผู้กล้าในตำนานมาช่วยเนี่ยแหละ
ต้องยอมรับว่าตั้งแต่ตอนที่สองนั้น มีบางช่วงที่ยังรู้สึกสนุกตื่นเต้น แต่พอช่วงกลางๆ จนถึงท้ายเกมนั้นอารมณ์เกมเป็นการปูทางเพื่อมายังตอนที่สามเสียมากกว่า ซึ่งมันก็ปูทางจริงๆ ตัวเกมนั้นเท่าที่ดูแล้วเหมือนจะมีเนื้อเรื่องที่เป็นตัวหลักจริงๆ เพียง 45 % นอกจากนั้นเหมือนเป็นการเล่นการสำรวจพื้นที่ต่างๆ และการเล่นเพื่อเน้นอารมณ์ลุ้นระทึกในช่วงเหตุการณ์ที่กลุ่มตัวเอกเจอแทน
สารภาพว่าอารมณ์ของเกมนั้นทำให้ผมนึกถึงตัวเกมตระกูลพวก RPG ทั้งหลายที่ตัวเอกจะต้องไปทำอะไรซักอย่างในสถานการณ์ที่กำลังเข้าขั้นวิกฤต แถมไปเสียเวลาค่อนข้างนานจนเล่นไปรู้สึกลืมเลยว่าเป้าหมายของตัวเองคือมาทำอะไร (และก็มารู้ตัวเมื่อตัวละครเริ่มมีการสะกิดใจเพื่อเตือนเราว่า เรามาทำอะไรกันแน่ และเป้าหมายของเราคืออะไร มันเหมือนใช้เวลาเดินทางนานมากๆ แทน
สิ่งที่เริ่มมีการเปลี่ยนแปลงจนเริ่มสงสัยพฤติกรรมตัวละครก็คือ อารมณ์ฉุนเฉียวที่ปรากฎออกมา เหมือนกับว่าต้องการยัดให้ตัวเกมดูสถานการณ์ดราม่าและทำให้เราต้องอยู่กับมัน ซึ่งจริงๆ ก็ได้ผลแหละนะ แต่ยอมรับว่าในเมื่อมีสถานการณ์เจอแบบนี้ซํ้าๆ จนไปกดดันตัวเอกของเกม ก็ทำให้รู้สึกคิดได้ว่า “อีกแล้ว ?” ก็ทำให้รู้สึกเอียนขึ้นมาเหมือนกัน
ความเข้มข้นของเนื้อเรื่องในเกมตอนนี้จะมีสองช่วง ช่วงแรกก็คือการหลบเลี่ยงพวก Enderman (ซึ่งในเกมมายคราฟนั้นถือว่าเป็นตัวที่ทำออกมาหลอนที่สุดแล้ว เพราะเล่นแว้บไปแว้บมา) กับช่วงท้ายเกมที่เป็นไคลแมตซ์ของเรื่อง ซึ่งเนื้อหาจะเข้มข้นที่สุดก็คือตรงนั้น จนเริ่มแอบมาคิดแล้วว่า เนื้อเรื่องของเกมจริงๆ นั้น ถูกจับยึดขยายออก ทำให้ตัวเกมนั้นความเข้มข้นลดลงค่อนข้างเยอะ
ระบบการเล่นของเกมนั้นจะมีการเพิ่มในส่วนของ Quick Time Event ให้มีมากขึ้น อย่างไรก็ตาม ช่วงปะทะนั้นก็ไม่ได้มีกันบ่อยๆ ในเกม หากมีการใส่มามากกว่านี้ก็จะทำให้เกมดูน่าสนใจมากขึ้น แต่สิ่งที่เกิดขึ้นคือตัวเกมจะเริ่มฉับไวขึ้นในเรื่องของการปะทะในเกม ซึ่งก็ถือว่าเป็นเรื่องดีรเพราะไม่ได้ทำให้ตัวเกมนั้นออกมาดูซํ้าซากจนเกินไป
ข้อดีอีกอย่างของตอนนี้ก็คือไม่เห็นบั๊กในเกมเลย แสดงว่าทางทีมพัฒนานั้นได้ทำการบ้านที่คนเล่นเจอกันมาตั้งแต่ตอนแรกจนสามารถฟิตตัวเกมให้สามารถแก้ไขได้แล้ว อย่างไรก็ตาม จากการเล่นตั้งแต่ตอนแรกจนถึงตอนนี้ต้องบอกว่า ถ้าต้องการเล่นแบบไม่เจอช่วงอืดจนเริ่มลืมเนื้อหาเกมจริงๆ แนะนำรอเกมออกตอนครบน่าจะดีกว่าครับ
เกม Minecraft: Story Mode วางจำหน่ายแล้วบน Steam ราคา 459 บาทครับ
