ติดตามเรา
Newera รีวิวเกม

(รีวิวเกมออฟไลน์) Mass Effect 3 มหาสงครามจักรวาล ที่มีโลกเป็นเดิมพัน

เกมนี้จะเป็นหนึ่งในเกมที่ผมใช้เวลาในการทดสอบตัวเกมนานมาก เพราะว่าตัวเกมนั้นนอกจากจะมีรายละเอียดปลีกย่อยที่สูงแล้ว ยังมีเนื้อหาระดับเชิงลึกที่ทำให้เกมนี้เป็นสุดยอดการปิดฉากของซีรี่ย์ Mass Effect ที่หลายคนรอคอย ผมเชื่อว่าเจ้าของร้านที่อ่านอยู่นี้มีน้อยคนที่รู้จักเกมนี้ แต่เชื่อเถอะครับว่า มันไม่สายไปหรอกที่คุณจะเริ่มต้นเป็นแฟนเกมซีรี่ย์นี้

Mass Effect 3 นั้นเป็นภาคจบของซีรี่ย์ Mass Effect โดยมีเรื่องราวในอนาคตที่มนุษย์ได้ค้นพบ อารยะธรรมต่างดาว ที่ทำให้มนุษย์เราสามารถเดินทางด้วยความเร็วเหนือแสง ซึ่งทำให้เราพบว่าเราไม่ได้เดียวดายในจักรวาล ยังมีชาวต่างดาวอื่นๆ ได้รวมตัวกันเป็น Cousil (สภากาแลกติก) ประเทศพัฒนาแล้วบนโลกได้รวมตัวกันและมีชื่อว่า สภาของสหพันธ์ (Alliance Council) ซึ่้งเป็นตัวแทนของชาวโลก ทว่า เมื่อการรับรู้ว่าเราไม่ได้เดียวดายเราก็ได้ค้นพบว่ากำลังจะมีหายนะที่เรียกว่า Reaper สิ่งมีชีวิตเทคโลโนยีสูงที่จะมากวาดล้างจักรวาลเพื่อไม่ให้อารยธรรมจักรวาลมีเทคโนโลยีสูงไปกว่านี้ ในเหตุการณ์ภาค 1 และภาค 2 ที่ผ่านมานั้นไม่มีใครเชื่อ จนกระทั่งในภาค 3 ซึ่งพวกมันได้ทำการโจมตีแล้ว โดยเริ่มที่โลกเป็นดาวแรก

ตัวเอกของเรานั้นชื่อว่า Shepard (คนเล่นสามารถเลือกได้ว่าจะเป็นเพศหญิงหรือชาย สามารถปรับแต่งหน้าได้ด้วย แต่สำหรับร้านเนต แนะนำว่าให้เลือกตามที่ตัวเกมมีให้นะดีแล้ว) ซึ่งเป็นมนุษย์คนแรกของโลกที่ได้รับการยอมรับจากสภากาแลกติกให้เป็นสมาชิกของตัวแทนเผ่าพันธ์ในจักรวาลได้ เขาเป็นคนเดียวที่รู้ว่ายังไงพวก Reaper ต้องโผล่หัวมาแน่ และไม่ได้จะมาล้างแค่โลกเรา แต่มันจะมาล้างทั้งจักรวาล เหตุการณ์ในเกมเริ่มต้นเมื่อ Reaper ถูกทาง สภาของสหพันธ์โลกเรียกตัวไปพบเพราะแจ้งว่า เรดาร์ตรวจจับสิ่งมีชีวิตขนาดใหญ่มาบนโลก ยังไม่ทันเตรียมตัวอะไร พวก Reaper ได้บุกโจมตีมายังโลกแล้ว เมื่อไม่มีทางเลือก Shepard จำเป็นต้องหนีจากโลกเพื่อไปขอความช่วยเหลือจากสภากาแลกติก ก่อนที่โลกเราจะไม่เหลือแม้แต่สิ่งมีชีวิต

ตัวเนื้อเรื่องนั้นบอกได้เลยว่าคุณจะได้เจอระดับหนัง Sci-Fi เกรด A ตั้งแต่ต้นเกมเลยทีเดียว แต่ตัวเกมนั้นจะเป็นแนว RPG หลายคนคงสงสัยว่าโลกเรากำลังโดนถล่มอยู่แล้วมันจะเป็น RPG ยังไง ? คำตอบก็คือ เราจำเป็นต้องไปผูกมัตรสร้างความไว้เนื้อเชื่อใจกับชาวต่างดาวให้เขามาเป็นพันธมิตรกับเราก่อนที่จะพาพวกเขามาสู้ตายกันที่โลกเรา นั่นแหละครับคือความเป็น RPG ในภาคนี้ ในระหว่างที่โลกเรากำลังถูกถล่มยับ คุณมีหน้าที่ในการเคลียรปัญหาต่างๆ ให้กับชาวต่างดาว แล้วหาพันธมิตรให้ได้มากที่สุด เพราะพวก Reaper มันไม่หยุดแค่โลกเราแน่ๆ

แม้ว่าตัวเนื้อเรื่องจะดูแปลกๆ ไปบ้าง เพราะในขณะที่โลกเรากำลังจะตายเอาๆ แต่ Shepard ยังมีเวลาไปหลั่นล้าเดินเล่นลอยชายแก้ปัญหาให้ชาวต่างดาวอยู่ แต่ทว่าเนื้อเรื่องเควสทั้งหมดนั้นมีความน่าสนใจและไม่น่าเบื่อ ยกเว้นตอนช่วงที่รับเควสเดินไปหาคนที่ค่อนข้างยาวนานและน่าเบื่อเหมือนกัน (โดยเฉพาะกับลูกค้าที่จะไม่ยอมอ่านอะไรเลย) แต่ตัวเนื้อเรื่องจะเข้มข้นมากยิ่งขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งตอนจบของเกม เมื่อคุณเล่นถึงกลางเกมแล้วต่อให้คุณไม่เข้าใจระบบเกมต่างๆ นาๆ สุดท้ายคุณก็ต้องเข้าใจ คุณมีเวลาเยอะในการศึกษาระบบต่างๆ ของเกมได้โดยที่ไม่จำเป็นต้องอ่านออกตั้งแต่แรกครับ

ทีนี้คำถามก็คือ ตัวเกมเป็น RPG แบบนี้แล้วเราจะลงให้ลูกค้าเล่นได้เหรอ ? คำตอบคือได้ครับ ตัวเกมนั้นจะมี 3 แบบให้เลือก นั่นก็คือเล่นแบบ Action , Role Playing (RPG) และ Story ซึ่งสำหรับร้านเนตนั้นผมแนะนำให้เลือกเล่นแบบ Action ซึ่งตัวเกมจะเลือกอาชีพและสเตตัสตัวละครมาให้เหมาะสมกับคนเล่นมือใหม่ สำคัญก็คือ ตอนช่วงบทสนทนาที่ต้องเลือกตอบนั้นจะไม่มีเลยครับ ซึ่งจะสร้างความสะดวกสบายให้เจ้าของร้านเพราะไม่ต้องลุกไปอ่านแปลให้ลูกค้าฟัง ตัวเกมจะเลือกตอบหัวข้อที่ดีที่สุดมาให้เองเลย หน้าที่ของคนเล่นก็คือ ดูเฉยๆ เท่านั้น

แต่ถึงกระนั้นช่วงบทสนทนาก็ยังเปิดโอกาสให้คนเล่นทำตัวเป็นคนเลว (โต้ตอบการกระทำหรือบทสนทนา) หรือป้องกันตัวเอง (จากการสนทนาหรือการกระทำได้) ซึ่งแน่นอนว่าจะส่งผลกับการเล่นเหมือนกัน แต่หากไม่ชัวร์ก็อยู่เฉยๆ ไป มันก็จะไม่มีผลกระทบใดๆ ทั้งสิ้น กรณีนี้หากลูกค้าคนไหนอ่านภาษาอังกฤษออกหรือเคยเล่นเกมนี้มาก่อน ก็สามารถเลือกเล่นแบบ Role Playing (RPG) และ Story ก็ได้ ซึ่งความพิเศษของการเล่นแบบ 2 โหมดที่ว่าคือ ฉากโรแมนติกนั่นเอง

ฉากโรแมนติกในเกมนี้เป็นหนึ่งในไฮไลท์ (รึเปล่า) ที่มีเกมเมอร์สนใจกันมาตั้งแต่ภาคแรก หรือง่ายๆ ก็คือคุณจีบสาวในเกมได้ จีบอย่างเดียวไม่พอ คุณสามารถพาเธอไปเตะบอลได้ด้วย แต่ไม่ต้องห่วงเรื่องฉากไม่เหมาะสมเพราะมันก็อยู่ในระดับเดียวกับหนังฮอลลีวู้ดทั้งหลาย (ไม่เป็นจุดสำคัญและมีให้ดูนิดเดียว) แต่หากให้ลูกค้าเล่นแบบ Action ละก็ จะไม่มีฉากพวกนี้เลยครับรับประกันได้ ฉะนั้นไม่ต้องกังวลใดๆ ทั้งสิ้น อ้อ ในเกมนี้สามารถจีบได้หมด ทั้งชาย – หญิง , หญิง – หญิง และ ชาย – ชาย เลยนะครับ เอาใจคนทุกเพศทุกแนวครับ (ฮา)

จุดอ่อนของเกมนี้อย่างหนึ่งสำหรับร้านเน็ตก็คือ ทางร้านจำเป็นต้องปรี้นบทสรุปหรือไปซื้อคู่มือมาให้ลูกค้าในร้านอ่าน เพราะตัวเกมนั้นไม่ได้บอกเส้นทางการทำภารกิจอย่างชัดเจนตลอด มันไม่ได้บอกว่าคุณต้องไปคุยกับคนนี้แบบมีเรดาร์ชี้บอก หรือบอกว่าคุณจะต้องไปนัวกับศัตรูในดาวดวงนั้น แม้ว่าตัวเกมจะเปิดอิสระให้กับคนเล่นในการเลือกทำภารกิจ แต่หากอยากได้ฉากจบที่ดีที่สุด ก็ต้องเล่นตามสูตรที่บทสรุปมีมาให้ แต่อันนี้ก็ไม่น่ามีปัญหาเท่าไหร่ ตัวเกมนั้นหากมีบทสรุปปรี้นมาให้อ่าน ต่อให้อ่านภาษาอังกฤษไม่ออกก็สามารถเล่นจนจบได้ครับ

พูดถึงฉากจบที่ดีที่สุด เกม Mass Effect 3 นั้นมีกับดักอย่างหนึ่งซ่อนเอาไว้สำหรับพวกคนที่เล่นของเถื่อนทั้งหลาย นั่นก็คือ คุณจะไม่มีวันเจอฉากจบแบบดี 100 % ที่ฟันธงเพราะว่าถ้าคุณเอาแต่เล่นโหมดคนเดียวโดยไม่เล่นโหมดออนไลน์เลย คุณจะมีค่าสเตตัส War Assets ไม่เพียงพอในฉากจบ (ซึ่งจะได้จากการทำเควสต่างๆ ในเกม และการเล่นออนไลน์มารวมกัน) ถ้าคุณเล่นของเถื่อนหรือไม่เล่นออนไลน์เลย ฟันธงเลยว่าคุณย่อมเจอฉากจบแบบ Bad End และผมก็เชื่อว่าคนเป็นอะไรที่คนเล่นเกมพยายามฝ่าฝันมาทั้งเกมยอมรับไม่ได้แน่ ส่วนจบแบบแย่นั้นเป็นยังไง.. เอาเป็นว่าอาจถึงระดับคนเล่นเกมบ่นว่าเกมเห้ไปเลยก็ได้

โหมดออนไลน์ที่ว่านี้ไม่จำเป็นต้องเล่นตลอดครับ คุณสามารถให้ลูกค้าเล่นเกมแบบออฟไลน์ (ไม่ต่อเน็ต) ไปก่อนได้ พอเล่นจนจะจบเกมแล้วถึงจะมาค่อยเล่นออนไลน์ (หรือเจ้าของร้านจะเล่นเองก็ได้แล้วแต่ เพราะมันไม่จำเป็นที่คนเล่นทุกคนต้องเล่น) โดยโหมดออนไลน์นั้นจะมีโหมดเดียวคือ CO-OP Mission ร่วมมือกับคนเล่น 4 คนในการกวาดล้างศัตรูที่บุกมาดาวต่างๆ (เหตุการณ์จะเกิดขึ้นคู่ขนานกับเนื้อเรื่อง) มีศัตรูโผล่มาทั้งหมด 11 รอบ เอาชีวิตรอดให้ได้หมดก็ชนะแล้ว (กินเวลา 30 นาที – 1 ชั่วโมงต่อรอบ) เล่นราวๆ 12 – 18 รอบก็จะได้ค่า War Assets ครบ 100 % ซึ่งเพียงเท่านี้ก็สามารถเจอฉากจบแบบดีได้แล้วหละครับ

แต่ทั้งนี้ ใช่ว่าคุณจะเล่นจนครบ 100 % แล้วเลิกเล่นไปเลยนะ พอผ่านไป 1 วัน % มันก็จะลดลงไป 1 % เท่ากับว่าคุณต้องเล่นต่ออีกรอบให้ชนะเพื่อให้มันเด้งขึ้นไปเหมือนเดิม (เลยแนะนำว่าเล่นให้เกือบจบก่อนแล้วมาเล่นออนไลน์ก็ได้) แต่โหมดออนไลน์นั้นมีความน่าสนใจมาก โดยเฉพาะคุณเลือกคราสอะไรก็ได้เอามาเล่น อัพเลเวลตัวละครได้เหมือนเกมออนไลน์ , สะสมเงินที่ได้เอาไปซื้อกล่องสุ่มเพื่อสุ่มเอาไอเท็ม , อาวุธ หรือตัวละครใหม่ๆ ได้ (มันสนุกก็ตรงสุ่มเนี่ยแหละ) ช่วงแรกๆ อาจจะลำบากเพราะจะโดนคนเก่งๆ เตะบ่อย (พวกเขาต้องการเล่นให้ชนะ) และอาวุธจะอ่อนไปนิด แต่พอหลังๆ รับรองจะสนุกครับ

ทางด้านกราฟฟิกนั้นเป็นอีกเรื่องที่ร้านเน็ตเชิญสนใจได้เลย เห็นภาพแบบนี้แต่เชื่อไหมว่าตัวเกมกินสเปคตํ่ากว่าที่คิด ผมใช้คอมสเปคเมื่อ 5 ปีที่แล้วเอามาเล่น ปรับตํ่าสุด นอกจากภาพยังสวยแล้วยังเล่นได้ลื่นอีกต่างหาก อาจจะหนืดเล็กน้อยแต่ก็ยังเล่นได้ลื่น หมายความว่ามันเป็นหนึ่งในเกมที่ไม่ต้องพะวงเรื่องคุณภาพกราฟฟิกในเกมเลย ขอให้สเปคของคุณผ่านขั้นตํ่าหรือเกือบถึงก็จะสามารถเล่นได้สบายเลยหละครับ แต่ข้อเสียของกราฟฟิกในเกมนี้ก็คือนอกจากบางส่วนยังไม่สมจริงแล้ว แอนิเมชั่นตัวละครดูเก้งๆ กังๆ แปลกๆ แถมทุกตัวเคลื่อนไหวเหมือนกันหมดด้วย

เสียงนั้นเป็นอะไรที่สุดยอดมาก เสียงเอฟเฟคในเกมนี้กระหึ่มกว่า 2 ภาคที่ผ่านมา บทเพลงบรรเลงในเกมนี้ก็ทั้งอลังและน่าจดจำ เสียงพากษ์ตัวละครมีชีวิตชีวาทั้งเสียงผู้ชายและเสียงผู้หญิง ยังคิดๆ อยู่เลยว่าถ้าเกมนี้มีซับไทยมาด้วยตัวเกมจะสนุกขนาดไหน

อย่างไรก็ตาม ใช่ว่าตัวเกมจะเหมาะสมกับร้านเน็ต 100 % อย่างแรกก็คือการที่ตัวเกมบังคับต้องเล่นออนไลน์ ซึ่งตรงจุดนี้ทางร้านสามารถให้ลูกค้าเล่นออนไลน์ได้ไม่มีปัญหาหรอกแต่ต้องบอกลูกค้าไม่ก็เล่นเอง , ตัวเกมต้องรันผ่าน Origin ซึ่งโปรแกรมยังไม่เสถียรเมื่อเทียบกับ Steam ทำให้นอกจากมีปัญหากับคอมต่างสเปคในระบบ NO HD แล้ว ยังไม่สามารถแบ็คอัพตัวเกมเก็บไว้ได้เหมือน Steam อีกด้วย ร้านไหนที่ใช้ระบบ Sever NO HD พึงคิดไว้เลยว่าถ้าร้านคุณมีหลายสเปค คุณอาจลงเกมได้แค่สเปคเดียวเท่านั้น เพราะคุณอาจเสียเวลาในการลงมาก โดยเฉพาะการโหลด DLC (ถ้าไม่โหลด จะไม่ต่างอะไรจากของเถื่อนครับ แต่ตัว DLC โหลดฟรีครับ)

โดยสรุป แม้ว่าตัวเกมจะราคาหลัก 1,xxx ขึ้นไป แต่ด้วยเนื้อเรื่อง Sci-Fi ระดับพระกาฬ (ระดับเดียวกับ STAR WARS และ สตาร์เทค) เนื้อเรื่องสุดจะเข้มข้นไม่น่าเบื่อ , การเล่นแนว TPS ที่เร้าใจสำหรับคอไฟติ้ง , ระบบเสียงอันยอดเยี่ยม , ความง่ายในการเข้าถึง , กินสเปคไม่มาก เล่นออนไลน์สนุกและไม่น่าเบื่อ (ถึงจะเป็นการบังคับเล่นก็ตาม) นี่จึงเป็นอีกหนึ่งเกม Sci-FI อวกาศที่ขึ้นหิ้่งเป็น Game of the Year ที่คอเกมเมอร์ ห้ามพลาด ไม่ว่าคุณจะรู้จักหรือไม่รู้จักเกมนี้มาก่อน หรือไม่เคยเล่นเกมนี้มาก่อนสักภาค ไม่จำเป็นต้องเล่นภาค 1 และ 2 มาก่อน มันก็ยังไม่สายที่คุณจะเริ่มต้นเป็นแฟนเกมซีรี่ย์นี้ครับ

จุดเด่น
– เนื้อเรื่องยอดเยี่ยม ชวนติดตามทั้งเกมไม่มีน่าเบื่อ
– แม้เกมจะเป็น RPG แต่ถ้ามีบทสรุปคอยอ่านก็เล่นได้ไม่จำเป็นต้องอ่านภาษาอังกฤษออก
– กราฟฟิกกินสเปคตํ่า คอมสเปค 4 – 5 ปีที่แล้วเล่นได้เลย
– เสียงยอดเยี่ยมทั้งเสียงพากษ์ , เสียงประกอบ , เสียงเพลงในเกม
– เกมใช้เวลาเล่นนาน และมีคุณค่าที่จะให้กลับมาเล่นอีกรอบ (แม้ว่าสำหรับร้านเน็ตลูกค้าจะไม่กลับมาเล่นอีกรอบก็เหอะ)
– เกมมอบอิสระให้กับคนเล่นทุกอย่าง จะเป็นคนดีคนเลวได้หมด รวมไปถึงอิสระในการเลือกฉากจบในเกม
– ตั้งค่า Origin เป็นออฟไลน์ได้เพื่อให้ได้เล่นทีเดียวพร้อมกันหลายเครื่อง สามารถแบ็คอัพไฟล์เซฟเกมเก็บไว้ได้
– ฉาก “เตะบอล” ที่เป็นไฮไลท์เล็กๆ น้อยๆ ในเกม (รึเปล่า ?)

ข้อเสีย
– บั๊กกราฟฟิกมีให้เห็นเรื่อยๆ ตัวละครหายบ้าง เสียงสนทนาหายบ้าง เควสรับไม่ได้บางเควส (แต่ไม่ใช่เควสหลัก)
– แอนิเมชั่นตัวละครดูแปลกๆ แถมเหมือนกันทุกตัวเสียจนน่ากลัว
– อาจจะไม่อินในช่วงแรกๆ ของเกมหากไม่ผ่านเกมภาค 1 และ 2 มาก่อน
– การบังคับที่ต้องเล่นออนไลน์เพื่อให้ได้ฉากจบที่ดีที่สุด (ถึงจะเล่นสนุกก็ตาม)
– ราคาแอบแพงโดยเฉพาะร้านเน็ตที่ต้องซื้อมากกว่า 1 ชุดอยู่แล้ว (ยกเว้นจะมี HD อยู่ในร้านก็ซื้อกล่องเดียวไปลงสองเครื่องได้)

** ทาง Newera แนะนำว่าเมื่อลงเกมนี้ในร้านแล้วควรจะติ๊กเอาตรงนี้ออก เพื่อไม่ให้ไฟล์เซฟเกมอัพโหลดไปยัง Sever ของ Origin เพื่อความสะดวกของร้านที่สามารถแบ็คอัพไฟล์เซฟลูกค้าไว้ที่ร้านได้เลยครับ

** ข้อมูลประกอบการเขียนบทความ ต้องขอขอบคุณทาง Newera ที่เป็นธุระในการหาข้อมูลมาเสริมให้นะครับ

 

Leave a comment