ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า เกมตระกูลซีรี่ย์อย่าง The Elder Scrolls นั้นนับได้ว่าเป็นหนึ่งเกมแนว RPG คุณภาพระดับโลกเกมหนึ่งจนมีแฟนๆ เล่นเกมนี้อย่างมากมาย (แถมยังเป็นต้นกำเนิดวลีเด็ดอย่าง “ธนูปักเข่า” ซะด้วย) ซึ่งทาง Bethesda ผู้ให้กำเนิดซีรี่ย์นี้ก็จับมือร่วมกับ ZeniMax ซึ่งเป็นสตูดิโอผู้พัฒนาเกมมาสร้างเกม The Elder Scrolls Online โดยเฉพาะ ซึ่งเดี๋ยวเราจะมาดูกันนะครับว่าตัวเกมเป็นอย่างไร คุ้มไหมที่เราจะต้องจ่าย Air-Time รายเดือน
(หมายเหตุ : ตัวเกมนี้ได้ทดลองเล่นเกมตอนช่วง Beta ซึ่งเล่นไปจนถึงเลเวล 5 โดยใช้เวลา 4 ชั่้วโมงกว่าในการเล่น และไปพื้นที่ต่อไปไม่ได้เพราะติด Error)
สำหรับเนื้อหาของตัวเกม The Elder Scrolls Online นั้นจะเกิดขึ้นก่อนเหตุการณ์ภาคแรกเป็นพันๆ ปี (อื้อหือ ผ่านมาเป็นพันปีแล้วยังใช้ดาบ ธนูกับเวทมนต์ไม่เปลี่ยนแปลง) ซึ่งแผ่นดินของ Tamriel เกิดหายนะขึ้น นอกจากความขัดแย้งของการเมือง 3 ฝ่ายแล้ว ยังได้เกิดหายนะ กองทัพปีศาจแห่งความมืดบุกรุกดินแดง ประชาชนต่างต้องการวีรบุรุษเพื่อพิทักษ์และปกป้องพวกเขา
ตัวเราจะรับบทเป็นหนึ่งในนักโทษที่ถูกจับคุมขังเข้ามาแล้วก็ไม่รู้ว่าโดนจับมาได้ยังไง แถมกำลังจะโดนไปประหารชีวิตซะด้วย (เป็นธรรมเนียมของเกมนี้ทุกภาคสินะที่ตัวเอกจะต้องเกือบโดนประหารตลอด) แล้วได้รับความช่วยเหลือจากบุคคลลึบลับนามว่า Prophet ซึ่งจะช่วยให้เราและนักโทษคนอื่นๆ หลบหนีออกมา และก็ทำให้การผจญภัยของเราในโลกของ Tamriel ก็ได้เริ่มต้น
หากภาคสกายริม ภาคล่าสุดได้เปิดตัวเมื่อมีมังกรตัวแรกบุกถล่มหมู่บ้าน ในตัวภาคนี้ก็มีการเปิดตัวด้วยฉากของการแหกคุก พร้อมกับการเผชิญหน้ากับอสูรกาย และเริ่มต้นผจญภัยไปตามเนื้อเรื่องต่างๆ ซึ่งจะต่างจากภาคสกายริมตรงที่มีเรื่องราวการเมืองสุดจะดราม่าเข้ามาให้เรามองเห็นความขัดแย้งไปพร้อมๆ กัน จึงทำให้เนื้อหาของ The Elder Scrolls Online ไม่เข้มข้นเท่าไหร่นักเมื่อตอนเปิดเกมออกมา
ตัวเกมเพลนั้นได้คงรูปแบบของภาคสกายริมเอาไว้แทบทุกอย่าง ทั้งวิธีการไปทำเควสต่างๆ , การพูดคุย , การต่อสู้ที่สามารถเปลี่ยนมุมมองได้ทั้งแบบ FPS และ TPS รวมไปถึงแม้ว่าตัวเกมจะมีให้เราเลือกคราสมาตั้งแต่แรก แต่คนเล่นสามารถใช้อาวุธอะไรก็ได้ในการเล่น ซึ่งทำให้ตัวเกมยังคงมีความเป็นอิสระเหมือนกับ The Elder Scrolls ภาคซีรี่ย์ออฟไลน์ต้นฉบับ และแน่นอนว่าแฟนเกมเองก็จะคุ้นชินได้ไม่ยาก
แต่สิ่งที่ต่างก็คือThe Elder Scrolls Online มันคือเกมออนไลน์ ดังนั้นแล้วทุกสิ่งทุกอย่างจึงมีการเปลี่ยนแปลงออกไป จากเดิมที่คนเล่นจะได้ผจญภัยแบบเดี่ยวๆ + ผู้ติดตามอีกหนึ่งคน ตอนนี้จะมีนักผจญภัยคนอื่นๆ เดินว่อนกันทั้งแมฟ และในการลงดันเจี้ยนก็จะมีการลงไปทำเควสเดียวกับเราด้วย จึงอาจทำให้มุมมองในการเล่นดูแปลกๆ ไปบ้าง เพราะกลิ่นอายของ “วีระบุรุษหนึ่งเดียว” ในเกมจะหายไป เพราะในโลกออนไลน์นี้มีนักผจญภัยหลายสิบหลายร้อยคนเลยทีเดียว
ฉากแผนที่ในเกมก็มีการปรับให้กว้างขึ้น ซึ่งในภาคสกายริมนั้นก็ถือว่ากว้างแล้ว ภาคนี้กว้างยิ่งกว่า และเมื่อมันเป็นเกมออนไลน์ ดังนั้นรายละเอียดของฉากต่างๆ จึงถูกตัดและลดทอนออกไป ทำให้อารมณ์ความรู้สึกจะไม่เหมือนเล่นเกม The Elder Scrolls ภาคออฟไลน์เท่าไหร่นัก แต่มอนเตอร์ต่างๆ ก็ไม่ได้ผุดเกิดขึ้นมาเป็นดอกเห็ด ก็ไม่ได้ทำให้เสน่ห์ของตัวเกมลดหายไปเท่าไหร่นัก
อันที่จริงแล้ว ด้วยฝีมือของทีมพัฒนาเกมต้นตำรับอย่าง Bethesda ได้มาคุมบังเหียนในการดูแลการพัฒนาเกมด้วย จึงทำให้การออกแบบฉากต่างๆ ของเกมยังคงทำออกมาได้ยอดเยี่ยมและอลังการได้สมกับเป็นชื่อของเกม The Elder Scrolls คุณจะได้เห็นเสื้อผ้าของตัวละครในเกม และสิ่งปลูกสร้างที่ดูแปลกตาไป (ให้สมกับเป็นอดีตเมื่่อหลายพันปีก่อน) ซึ่งเรื่องของดันเจี้ยนและสิ่งปลูกสร้างต่างๆ ก็นับได้ว่าเป็นอีกหนึ่งจุดเด่นของเกม The Elder Scrolls อยู่แล้ว
NPC ในเกมนั้นจะยังคงคอนเชปเดิมคือมีเดินขวักไขว่กันในเมือง มีการพูดคุยสนทนากัน (ซึ่งจะทำให้เรารู้เรื่องราวในช่วงเวลานั้นๆ ได้ หากคุณฟังออกเพราะไม่มีซับ) มีการทักทายเรา รวมไปถึงถ้าเราจะทำเควสต่อไป ก็จะมี NPC วิ่งมาหาเราเพื่อเสิร์ฟเควสถึงที่เหมือนเกมภาคต้นฉบับ จึงทำให้เสน่ห์ของเกมนี้ไม่หายไปแม้ว่าตัวเกมจะเป็นภาคออนไลน์ก็ตาม และแน่นอนว่าการสำรวจในโลกเกมนี้ และการทำเควสต่างๆ ยังคงออกแบบและให้เราดำเนินได้เรื่อยๆ แต่น่าติดตามได้สนุกเหมือนเดิม ดังนั้นสาวก RPG ที่ชอบเสพเนื้อเรื่องไม่น่าจะผิดหวังเรื่องนี้
แต่ทว่า นอกจากกราฟฟิกสิ่งปลูกสร้างที่แตกต่างกันไปแล้ว สิ่งที่ตัวเกมแตกต่างไปเลยก็คือความสมจริงและความต่อเนื่องของเหตุการณ์ พอมาเป็นภาคออนไลน์ ทุกอย่างที่ว่ามาละลายหายไปหมด ยกตัวอย่างเช่นเรากำลังช่วยเหลือผู้คนในสถานการณ์ล่อแหลม แต่กลับมีคนเดินขวักไขว่เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น เพลงประกอบก็ยังเป็นเพลงเพราะๆ ตามฉากไหลไปเรื่อยๆ จนหลายครั้งยังคิดเลยว่า เฮ้ย! เหตุการณ์มันกำลังซีเรียสนะเว้ย มาบรรเลงเพลงเพราะทำไม๊!
ยิ่งไปกว่านั้น หัวใจเด่นของ The Elder Scrolls ก็คือ การทำเควสที่คนเล่นจะต้องค้นหาสิ่งต่างๆ ด้วยตนเอง แต่สำหรับภาคออนไลน์ ถ้าคุณไม่ได้อ่านหรือฟังไม่ออก ขอแค่สังเกตคนเล่นคนอื่นๆ ที่วิ่งอยู่รอบๆ ตัวคุณ แล้วคุณก็จะไปทำเควสนั้นๆ ได้ทันที เพราะมีคนวิ่งนำทางให้แล้ว เรื่องนี้มันมีทั้งข้อดีข้อเสียครับ ข้อดีคือคนไหนที่อ่านไม่ค่อยออกหรือมึนๆ งงๆ กับตัวเกมจะได้ไกด์ในการเล่นเดี๋ยวนั้นเลย แต่ข้อเสียก็คือเสน่หฺ์มันหายไป ยิ่งไปกว่านั้น ถ้าในดันเจี้ยนนั้นๆ มีตัวประหลาดแล้วคุณไม่อยากสู้ เดินเลี่ยงให้คนเล่นคนอื่นๆ สู้แทนแล้วเราเดินสบายใจเฉิบไปเลยก็ได้ ซึ่งจุดนี้โดยส่วนตัวคนเขียนแล้วมันถือว่าเป็นข้อเสีย การลงดันเจี้ยนหรือเข้าพื้นที่ภารกิจหลัก ควรจะเป็นพื้นที่ส่วนตัวหรือให้เฉพาะคนในปาร์ตี้เข้ามาได้เท่านั้นน่าจะดีกว่า
แถมในเกมภาคนี้ แอนิเมชั่นตัวละคร , การใช้ไอเท็มต่างๆ ก็ได้มีการเปลี่ยนไป บอกได้เลยว่าแอนิเมชั่นมันไม่ไหลลื่นเมื่อเทียบกับภาคล่าสุดอย่างสกายริม อารมณ์แอ็คชั่นจึงลดลงไปบ้าง , ท่าทางเคลื่อนไหวของ NPC ที่ดูแข็งกว่าปกติ และรวมไปถึงความอิสระต่างๆ ในเกมก็ได้ลดลงไป คนเล่นไม่สามารถเนียนจับศพแก้ผ้าขนอาวุธ เสื้อผ้าไปได้แล้ว ของบางชิ้นต้องทำเควสให้เสร็จถึงจะได้มาแทน และรูปแบบการใช้สกิลก็จะเป็นแบบเกมออนไลน์ไป คือกด 1 .. 2 .. 3 ใช้สกิล เป็นต้น
แน่นอนครับ ในเมื่อมันเป็นเกมออนไลน์ จะให้เกมมันเป็นเหมือนภาคออฟไลน์ก็ไม่ได้เพราะไม่อย่างนั้นทั้งคนเล่นและ Sever คงจะงานเข้าเพราะแลดกันกระจาย หน่วงกันกระจุย นี่เป็นข้อด้อยที่ต้องแลกมาหากคิดจะเล่นภาคออนไลน์ภาคนี้ แต่ถ้านับเป็นข้อดีแล้ว การที่เราเห็นมีคนเล่นคนอื่นๆ มาร่วมเล่นไปกับเราด้วย อารมณ์ในการเล่นก็จะไม่ทำให้เรารู้สึกเหงา เพราะเราจะไม่ต้องเดินทางในโลกนี้ตามลำพัง แถมอยากสดไป PVP หรืออยากท้าชิงตำแหน่งจักรพรรดิในเกมนี้ แน่นอนครับ ทำได้
แม้ว่าตัวเกมจะมีข้อเสียต่างๆ ที่ต้องแลกมา แต่สิ่งที่เป็นเอกลักษณ์ของ The Elder Scrolls ยังมาครบในภาคนี้ คนเล่นสามารถเลือกบทสนทนาได้เองซึ่งจะส่งผลกับตอนจบของเนื้อหาเควส , สามารถโกหกหรือติดสินบนต่างๆ ได้ , ย่องเดินไม่ให้อีกฝ่ายมองเห็น ความยอดเยี่ยมของเนื้อเรื่องก็ยังน่าติดตามเหมือนเดิม และแน่นอนครับ… ตัวละครหญิงในเกมนี้ หน้าตาไม่เคยจะน่ารักอย่างไร ในภาคนี้หน้าตาก็จะเป็นอย่างนั้น มีดีอย่างเดียวคือ… หุ่นตัวละครเราสามารถปรับให้ผอมเพรียวได้ ส่วนหน้าตาก็… นะ
ถ้าโดยส่วนตัวคนเขียนแล้ว The Elder Scrolls Online ยังให้อารมณ์สู้ภาคออฟไลน์ไมได้ในเรื่องของความอินของเรื่องราวในตัวเกม แม้แต่เนื้อหาเควสฉากไคลแมกซ์ของเรื่องยังทำให้รู้สึกตื่นเต้นไม่ได้ดีเท่าไหร่นัก แต่สำหรับคนเล่นที่เป็นแฟนพันธ์แท้ของ The Elder Scrolls , ชอบเล่นเกม RPG ที่มีเรื่อวราวน่าติดตาม บวกกับชอบสำรวจพื้นที่ต่างๆ ในเกมที่เต็มไปด้วยปริศนาและความลับที่น่าตื่นเต้น ในเกมภาคออนไลน์นี้ยังคงมอบประสบการณ์การเล่นดังกล่าวได้ยอดเยี่ยมสมกับชื่อของ The Elder Scrolls เลยหละครับ
จุดเด่น
– ยังคงรูปแบบการเล่นของ The Elder Scrolls ได้ดี แม้ว่าบางอย่างจะถูกตัดฟีเจอร์ออกไปบ้าง
– นำเสนอฉาก สิ่งปลูกสร้างได้สวยงาม ตระการตา และมีเสน่ห์สมกับเป็นโลกของ The Elder Scrolls เหมือนเดิม
– แม้ว่าฉากในเกมอาจไม่ได้สวยงามละเอียดเท่าตัวเกมภาคออฟไลน์ แต่ตัวเกมมีการเล่นแสงที่สวยงามมากๆ และกินสเปคที่น้อยลง จนไม่น่าเป็นห่วงเรื่องความแลดเท่าไหร่
– เรื่องราวที่น่าติดตาม NPC มีเสียงพากษ์ทุกคน และนำเสนอสภาพแวดล้อมต่างๆ ออกมาได้เหมือนภาคต้นฉบับ
– มีคนเล่นคนอื่นๆ มาเล่นด้วย รับรองว่าไม่เหงา และได้อารมณ์ความรู้สึกแบบใหม่ในการเล่นด้วย โดยเฉพาะระบบ PVP ที่จะเพิ่มเข้ามาในภาคนี้เท่านั้น
ข้อเสีย
– แอนิเมชั่นไม่ไหลลื่นเหมือนภาคออฟไลน์ การเคลื่อนไหวของ NPC ดูแข็งๆ ไปบ้าง
– ฟีเจอร์บางอย่างถูกตัดออก ของบางอย่างคนเล่นจะหาได้อย่างอิสระไม่ได้ (บางทีกล่องสมบัติโดนคนเล่นคนอื่นแย่งเก็บไปก่อนก็มี)
– คนเล่นคนอื่นๆ เล่นกับเราได้หมดแทบทุกพื้นที่แม้แต่ในดันเจี้ยน ความเป็นส่วนตัวจึงหายไป
– เพลงประกอบแม้ว่าจะทำเข้ากับบรรยากาศ แต่ไม่มีการเปลี่ยนแปลงใดๆ ตามสถานการณ์เควสปัจจุบัน ทำให้สภาพการทำเควสบางครั้งเหมือนเกมออนไลน์ปกติทั่วๆ ไป
– ถ้าเทียบกับแล้ว ความเข้มข้นของเรื่องราวและการนำเสนอ ยังสู้ภาคสกายริมไมได้
– ตัวเกมจะเป็น AIRTIME ด้วยราคา 14.99 USD (ประมาณ 525 บาท) ต่อเดือน
ขณะนี้ตัวเกม The Elder Scrolls Online เปิดทดสอบ Beta อยู่ คนไหนสนใจสามารถเข้าไปลงทะเบียนเพื่อลองทดสอบตัวเกมได้ ส่วนตัวเกมนั้นมีแผนที่จะวางจำหน่ายวันที่ 4 เมษายน นี้ ตัวเกมจะอยู่ที่ราคาประมาณ 59.99 USD (ประมาณ 2,099 บาท) จะเล่นได้ 30 วัน ที่เหลือจากนั้นก็ต้องเติมเงินรายเดือนเอง
เว็บไซด์หลักตัวเกม – http://elderscrollsonline.com