หนึ่งในเกมออนไลน์ฟอร์มยักษ์ที่โปรโมทมานานมาก ตั้งแต่เมื่อปี 2008 และถูกนำเอามาโชว์ในงาน G-Star ทุกๆ ครั้ง กับเกมออนไลน์ฟอร์มยักษ์อย่าง Kingdom Under Fire 2 ผลงานการพัฒนาของ BlueSide ร่วมกับ Phantagram ซึ่งทั้งสองค่ายนี้ก็เคยผ่านงานการพัฒนาตัวเกม Kingdom Under Fire เวอร์ชั่นคอลโซลมาก่อนด้วย ซึ่งทางเราก็ได้แอบเข้าไปทดสอบตัวเกมก่อน CBT จึงได้นำภาพในเกมมาฝากกันครับ
(หมายเหตุ : บทความนี้เป็นการรีวิวในการเล่น 10 เลเวลแรกเท่านั้น)
สำหรับตัวเกม Kingdom Under Fire 2 นั้นจะเป็นเกมแนว MMORPG ด้วยมุมมองแบบ TPS หรือมองผ่านหลังตัวละคร และมีระบบการโจมตีแบบ Action Non-Target กล่าวคือ จะไม่มีการล็อคเป้าในการโจมตีศัตรู ฟาดโดนกี่ตัวก็โดนไปให้หมด ซึ่งตามปกติแล้วอาจไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่เท่าไหร่ในวงการเกมบ้านเรา แต่ที่ต่างคือ นอกจากฉากบนพื้นที่เก็บเลเวลปกติและดันเจี้ยนแล้ว จะมีฉากสงครามขนาดใหญ่โตอีกด้วย
ซึ่งฉากสงครามขนาดใหญ่โตนี้จะทำให้คนเล่นรู้สึกเหมือนเข้าไปอยู่ในสงครามจริงๆ กับการปะทะกับจำนวนศัตรูที่มีมหาศาล และตัวระบบเกมเพลก็ไม่ได้เชื่องช้า แต่กลับไหลลื่นและปะทะกับศัตรูได้อย่างต่อเนื่องและรวดเร็ว ซึ่งมีระบบล็อคเป้าอัตโนมัติเอาไว้ทำให้โจมตีศัตรูได้ง่าย
คนเล่นสามารถโจมตีปกติและสกิลได้อย่างอิสระ ตราบใดที่จำนวนศัตรูที่มารุมล้อมและ SP เอื้ออำนวย และจะมีท่าโจมตีพิเศษหากศัตรูบาดเจ็บหนักหรือติดมึน ซึ่งจะทำให้สามารถสังหารศัตรูได้รวดเร็วกว่าเดิม และจะมีท่าโจมตีพิเศษแถมมาให้ด้วย
นอกจากพื้นที่สงครามขนาดใหญ่แล้ว ในเวลาทำเควสปกติก็จะมีการลงดันเจี้ยนปกติทั่วๆ ไป เช่น เควสถล่มหมู่บ้านออคที่จะมีปริมาณศัตรูน้อยกว่าปกติ หรือการเก็บเลเวลในการหาของจากมอนเตอร์นอกเมือง ซึ่งตรงจุดนี้อาจดูไม่แตกต่างจากเกมเก็บเลเวลทั่วไปนัก แต่ก็ไม่ทำให้อารมณ์การเล่นลดลงไปแต่น้อย
นั่นเพราะว่ามอนเตอร์ไม่ได้อยู่ในระดับกระจอกงอกง่อยที่คนเล่นจะเอาแต่ฟันๆๆ และปั้มยาอย่างเดียว มอนเตอร์พวกนี้จะมีท่าทางที่แตกต่างกันตามระดับเลเวล ตั้งแต่กระโดดถอยหลังเรา ไปจนถึงวิ่งซาร์จโจมตีใส่เรา แน่นอนว่าเราก็สามารถหลบการโจมตีของมอนเตอร์ได้อิสระเช่นเดียวกัน และระยะหลบก็ห่างเยอะ ไม่ต้องกะจังหวะแล้วรอกแต่อย่างใด
จึงส่งผลทำให้เกมเพลของเกม Kingdom Under Fire 2 รื่นไหล รวดเร็ว และเปี่ยมไปด้วยแอ็คชั่นไม่ต้องหยุดไม่ต้องพักไม่ต้องรอให้ตัวละครหายเหนื่อย คนเล่นสามารถรัวโจมตีใส่ศัตรูได้ไม่มียั้งแล้วแต่ความสามารถของคนเล่น แน่นอนว่าคนเล่นต้องควบคุมเกมเพลด้วยตนเอง ทั้งการโจมตีและการหลบการโจมตีจากมอนเตอร์
กระนั้น ในพื้นที่ปกติที่ไม่ใช่โหมดสงคราม จะมีข้อเสียที่ต้องทำใจนิด นั่นก็คือ หากมอนเตอร์เดินเลยออกจากบริเวณของตนเองเมื่อไหร่ มันจะเดินกลับไปที่เดิมพร้อมเลือดเต็ม 100 % ฟังดูแล้วเหมือนเรื่องดีเพราะตอนวิ่งไปที่อื่นมอนจะได้ไม่ตามรังควาน แต่หากซัดกับมอนเตอร์อยู่จนออกห่างพื้นที่ของมัน มันจะเลือดเต็มหลอดแล้วเดินกลับไปที่เดิมให้เราเดินกลับไปซัดมันต่ออีกที
ไฮไลท์เด็ดของตัวเกมก็คือโหมดสงคราม ที่คนเล่นจะสามารถบุกตะลุยในสนามรบเปิดกว้างและเต็มไปด้วยศัตรูจำนวนมหาศาลแล้ว คนเล่นจะสามารถควบคุมกองกำลังของตนเองได้อีกด้วย ซึ่งอาจไม่ได้มีให้เล่นทุกด่าน บางด่านอาจให้เราซัดไปด้วยเฉยๆ บางด่านก็จะให้เราคุมกองทหารไปด้วย แน่นอนว่าการคุมกองทหารนั้นจะเป็นแนว RTS ทันที
ซึ่งสำหรับคนที่ไม่ชอบเล่นหรือไม่เคยเล่นเกม RTS มาก่อนก็ไม่ต้องกังวล เพราะคำสั่งในการควบคุมกองกำลังนั้นจะมีเพียงสั่งให้เดินไปตรงนู้นตรงนี้ และสั่งโจมตีเท่านั้น ซึ่งหากเราไม่สั่งอะไรเลย กองกำลังก็จะเดินตามมาช่วยเราอยู่ดี แต่หากสั่งก็จะช่วยทำให้เราได้เปรียบในการเล่นมากขึ้น เพราะเราจะมีกำลังพลคอยโจมตีสนับสนุนโจมตีเรานั่นเอง
โดยหลังจากเลเวล 10 คนเล่นจะสามารถซื้อกองกำลังของตนเอง และนำไปพัฒนาเพื่อเพิ่มความสามารถได้ ซึ่งจะคล้ายๆ กับระบบสัตว์เลี้ยงของเกมอื่นๆ อีกด้วย จึงทำให้เกมนี้ค่อนข้างมอบอิสระให้กับคนเล่นมากพอสมควร
นอกจากนี้ ตัวเกมยังค่อนข้างให้ความสำคัญกับสภาพแวดล้อมในตัวเกมให้ออกมาเป็นธรรมชาติ ถ้าไม่ใช่ในเมือง คนเล่นจะไม่มีทางเดินทะลุมอนเตอร์หรือกองกำลังตนเองได้ และเอฟเฟคฉากสิ่งปลูกสร้างต่างๆ ทำออกมาได้สวยงาม อลังการ ใหญ่โต ประณีต ราวกับว่าคนเล่นหลุดเข้าไปในโลกสงครามแห่งแหวนก็ว่าได้
แถมตัวเกมยังมีระบบช่วยเหลือและกระตุ้นคนเล่นหลายจุด จะมีเสียงและภาพในแผนที่คอยเตือนว่าเราโดนมอนเตอร์ไล่ตาม เสียงประกอบที่ทรงพลัง และเนื้อหาของเกมที่เข้าถึงได้ง่ายไม่ยุ่งยากและน่ารำคาญ (จะมีบ้างก็เควสเดินไปเก็บของ ซึ่งแม้แต่กับเราที่เป็นระดับแม่ทัพ ยังต้องไปเก็บข้าวโพดมาให้ แปลกดี)
อย่างไรก็ตาม ความยอดเยี่ยมของตัวเกมก็ยังมีข้อจำกัดในการเล่นอยู่บ้าง ตัวละครจะไม่สามารถวิ่งได้แม้ว่าแผนที่ในเกมจะไม่ได้กว้างมากนัก , ไม่สามารถกระโดดเพื่อข้ามฉากต่างๆ ได้ ต้องเดินไปตามทางที่กำหนดเท่านั้น และตัวเกมยังมีบั๊กให้เห็นบางจุด ซึ่งอาจต้องกดออกจากมิซซั่นแล้วเข้ามิซซั่นเข้าไปเล่นซํ้าใหม่
มองโดยรวมแล้ว Kingdom Under Fire 2 อาจไม่ใช่เกมแนวสดใหม่สุดๆ เท่าไหร่ เพราะที่ผ่านมาก็มีเกมแนวนี้เปิดในไทยมาบ้างแล้ว แต่ด้วยกราฟฟิกที่งดงาม เกมเพลที่เข้าถึงได้ง่าย ฮาร์ดคอร์และรวดเร็ว การดำเนินเล่นเกมที่เข้าใจไม่ยาก ระบบ RTS ที่ทำให้ไม่เหมือนเกมอื่นๆ สำคัญก็คือ ความประณีตในการขัดเกลาเกมจนมาถึงทุกวันนี้ บอกได้เลยครับ ไม่มีเกมไหนหรอกที่จะมีความพร้อมมากเท่าเกมนี้ และยังไม่มีเกมออนไลน์ที่เล่นฟรีเกมไหนในไทยหรอก ที่จะให้คุณกระโจนเข้าไปสู่การต่อสู้สนามรบเปิดกว้างที่เต็มไปด้วยศัตรูนับสิบนับร้อย มีตั้งแต่ขนาดตัวเล็กกว่ายันตัวใหญ่เท่าตึกหลายชั้น เมื่อได้สัมผัสแล้ว รับรองได้ว่า หากคุณเป็นคอเกมแนวแอ็คชั่นแล้วละก็ คุณจะไม่ผิดหวัง และรู้สึกคุ้มค่ากับการรอคอยมาถึง 7 ปีแน่นอนครับ
จุดเด่น
– เกมเพลเข้าถึงง่าย ฮาร์ดคอร์ รวดเร็วและเร้าใจ มีฉากคัทซีนให้ดูเป็นระยะๆ
– ระบบ Action ผสม RTS ที่แหวกแนว แต่ไม่ยุ่งยาก
– พื้นที่เก็บเลเวลที่มีทั้งโหมดสงครามและพื้นที่นอกเมือง
– ตัวเกมค่อนข้างประณีตในการทำเกม จึงทำให้ออกมาแทบไร้ที่ติ
– กราฟฟิกที่ทรงพลังจนให้อารมณ์ไม่เหมือนเล่นเกมออนไลน์เลย
– เสียงประกอบสุดอลัง ที่จะกระตุ้นไม่ให้เกมน่าเบื่อ
ข้อด้อย
– ยังมีข้อจำกัดบางอย่าง ตัวละครวิ่งไม่ได้ ต้องตีมอนเตอร์ในบริเวณของมัน เป็นต้น
– ไม่สามารถกระโดดข้ามฉากเพื่อลัดทางไปเร็วๆ ได้ ต้องวิ่งไปตามทางที่กำหนด
– ยังมีบั๊กมาให้เห็นบ้าง ร้ายที่สุดคือต้องออกมิซซั่้นแล้วเข้าใหม่
– เกมไม่เหมาะกับคนเล่นที่ไม่ชอบอ่าน และชอบความสบายในการเล่น เพราะต้องคุมทุกอย่างด้วยตนเอง
สำหรับเกม Kingdom Under Fire 2 เซิร์ฟ SEA มีกำหนดเปิดทดสอบ CBT วันที่ 23 มกราคม – 26 มกราคม เวลา 17.00 – 23.00 น. ตามเวลาบ้านเรา คนไหนสนใจ สามารถเข้าไปร่วมทดสอบได้ตามลิ้งข้างล่างนี้เลย
เว็บไซด์หลัก – http://kuf2.mmog.asia/
ขอขอบคุณ : MMOG.asia และนิตรสาร Weekly Online สำหรับการเข้าไปทดสอบเกมในครั้งนี้ด้วยครับ