ติดตามเรา
Steam รีวิวเกม

(รีวิวเกมออฟไลน์) Deadlight เผชิญโลกซอมบี้ครองเมืองในรูปแบบ Side-Scrolling

 

เราเองก็เคยเห็นเกมแนวซอมบี้มามากมายหลายเกม ทั้งแนว FPS ที่ซอมบี้วิ่งเท้าลมกรด , แนว Bird view มองด้านบน ไปจนล่าสุดเป็นแนวผจญภัยให้เลือกโต้ตอบ แต่เราก็ไม่เคยเห็นออกมาเป็นแนว Side-Scrolling (เดินด้านข้าง) เท่าไหร่นัก เกม Deadlight นั้นก็เป็นเกมแนวนั้นครับ

Deadlight เป็นเกมที่มีเนื้อเรื่องเกี่ยวกับโลกหายนะที่เกิดจากซอมบี้ครองเมือง ตัวเกมไม่มีการเล่าอะไรทั้งสิ้นว่ามันเกิดอะไรขึ้น ไวรัสมันแพร่มาจากไหน ตัวเกมเริ่มจากตัวเอกที่ต้องฝืนใจแยกทางกับเพื่อนเพราะซอมบี้บุกเข้ามา แล้วนัดไปเจอกันที่จุดปลอดภัยของทางการ เรียกได้ว่าตัวเกมไม่ได้เฉลยอะไรเกี่ยวกับเนื้อเรื่องเบื้องลึกอะไรเลย

คงอาจมีหลายคนสงสัยว่านี่มันต้องเป็นเกมแนวหลอนๆ น่ากลัวๆ ไม่ก็เป็นเกมยิงแหลกใช่ไหม ? ก็ต้องตอบว่าไม่ใช่ทั้งคู่ครับ Deadlight เป็นเกมแนวเอาตัวรอดจากซอมบี้ ตัวเอกนั้นเป็นคนธรรมดาที่ต้องเอาตัวรอดไปวันๆ เกมนี้แทบไม่เน้นให้คนเล่นหวดกับซอมบี้เลยครับ ทางกลับกัน โดนซอมบี้รุมมากกว่า 2 ตัวนั้นเกมจะ Over ทันที เอาง่ายๆ ก็คือ เน้นหลีกเลี่ยงการปะทะกับพวกมันดีกว่า

แต่ก็ใช่ว่าจะไม่มีอะไรให้เราโต้ตอบซอมบี้ได้บ้าง คุณก็จะมีอาวุธมาให้ต่อกรกับพวกมันได้สักหน่อยแต่ก็ไม่ได้เน้นมาก ยกเว้นช่วงหลังๆ ที่จะได้ประเคนกระสุนใส่ซอมบี้สมใจอยากคนเล่น แต่ประเด็นจริงๆ แล้วเนื้อหาของเกมนี้ไม่ได้เน้นที่การเอาตัวรอดจากซอมบี้อย่างเดียวเท่านั้น แต่เน้นเรื่องจิตใจของมนุษย์ด้วย

เกมมันก็ไม่ได้เชิงออกแนวซีรี่ย์ The Walking Dead แต่โทนเกมจะออกแนวหนังเรื่อง 28 DAYS LATER เสียมากกว่า (คนไหนไม่เคยดู เป็นหนังแนวหายนะซอมบี้เหมือนกัน) คอนเชปเนื้อเรื่องเกมนี้จะออกแนวคล้ายๆ 28 DAYS LATER ไปเลย แต่ก็จะไม่เหมือนซะทีเดียว จุดมุ่งหมายของเกมนี้จริงๆ แล้วเจาะไปที่ความทรงจำของตัวเอกเป็นเป้าหมายหลัก แต่เป็นอะไรนั้นไม่ขอบอก ลองไปเล่นในเกมดูดีกว่า

ถึงแม้ว่าตัวเกมจะเน้นเรื่องจิตใจของมนุษย์และเน้นที่ตัวเอก แต่กลับไม่ค่อยเน้นความสัมพันธ์ของตัวเอกกับตัวละครอื่นๆ เท่าที่ควร นับได้ว่าเป็นจุดอ่อนที่ทำให้คนเล่นไม่รู้สึกอินกับตัวละครคนอื่นๆ เปรียบราวกับว่าตัวละครคนอื่นนั้นคือตัวประกอบไปเสียทั้งหมด ถ้ามีการผูกเนื้อเรื่องให้มากกว่านี้จะทำให้เนื้อเรื่องในเกมนี้มีความสมบูรณ์มากขึ้น

คนเล่นจะต้องใช้ทักษะในการปีนป่าย , การสังเกตเพื่อแก้ไขปริศนานิดหน่อย รวมไปถึงวิธีการผ่านฝูงซอมบี้ด้วยวิธีหลากหลาย เช่น จะวิ่งกระโดดฝ่าไปเลย , เอาขวานเชือดจนพวกมันล้มแล้ววิ่ง หรือ จะล่อให้มันตกจากที่สูงตายก็ได้ เกมเพลนั้นถ้าจะเทียบก็จะคล้ายๆ กับเกม limbo เลยหละครับ แต่อย่างที่บอก เกมไม่น่ากลัว เกมไม่หลอน แต่จะออกแนวทึมๆ และเอาตัวรอดแบบตื่นเต้นเสียมากกว่า

ตัวเกมเพลนั้นออกแบบอย่างชาญฉลาด เน้นให้คนเล่นต้องอาศัยการสังเกตมาก การแก้ไขปริศนาที่ไม่ยากจนเกินไปและสร้างความตื่นเต้นให้กับการเล่น ทวีความเข้มข้นไปเรื่อยๆ จนกระทั่งถึงฉากไคลแมกซ์ตัวเกม ตลอดเวลาในการเล่นราวๆ 4 – 5 ชั่วโมงนั้น แม้ว่าเกมจะแอบสั้น แต่ก็มอบประสบการณ์ในการเล่นที่น่าจดจำ

อย่างไรก็ตาม ตัวเกมนั้นต้องอาศัยการสังเกตและการกดคำสั่งปุ่มแบบฟิตตายตัวมาก บ่อยครั้งที่คนเล่นไม่รู้ว่าข้างหน้าเราจะเจออะไรก็ต้องยอมเสี่ยงในการ “ตาย” ก่อนแล้วก็กลับมาเริ่มใหม่ เกมบางทีบอกใบ้แบบตัวกระจี๊ดจนต้องมองใกล้ๆ จอ (บางทีเล่นไปลืมไปด้วยว่าเกมมีการชี้บอกใบ้) และค่อนข้างใช้ทักษะภาษาอังกฤษพอสมควร ส่วนปุ่มบังคับนั้นต้องกดแบบตายตัวไปเลย เพราะเกมไม่ใช่เกมที่ตอบสนองความไวในการกดสูง จนทำให้หลายครั้งทำให้ตัวละครตายแบบโง่ๆ เสียจนเสียอารมณ์ไปเลยก็มี

กราฟิกในเกมนั้นได้ใช้ Unreal Engine ในการพัฒนา (ซึ่งก็ไม่ค่อยเห็นในเกมแนว Side-Scrolling ซะด้วย) ซึ่งรีดประสิทธิภาพออกมาได้ดีครับ ภาพในเกมดูมีมิติหลายอย่างและการเคลื่อนไหวของตัวละครฉากต่างๆ ทำออกมาได้พริ้วดีมาก ส่วนคอมพิวเตอร์คนไหนสเปคเก่าอาจต้องทำใจนิดว่าตัวเกมอาจไม่ไหลลื่นเท่าที่ควรเพราะการปรับแต่งออฟชั่นมีแต่ขนาดหน้าจอเท่านั้น แค่คอมเมื่อ 5 ปีก่อนก็เล่นได้ครับ

ระบบเสียงนั้นก็เป็นเรื่องที่ต้องชื่นชม เพลงประกอบในเกมทำออกมาได้เข้ากับบรรยากาศและเนื้อเรื่องมาก ในส่วนของเสียงพากษ์นั้นก็เป็นเอกลักษณ์น่าจดจำ ทีนี้จะมีเสียงบางตัวละครที่ไม่ค่อยจะสัมพันธ์กับฉากและอารมณ์เท่าไหร่นัก แต่ก็ยังถือว่าโอเคและยังรับได้อยู่บ้าง

กระนั้นแน่นอนว่าตัวเกมก็ยังเผยให้เห็นจุดเสียที่ออกมาเป็นระยะๆ ไล่ตั้งแต่รูปแบบเกมเพลที่ต้องอาศัยการสังเกตมากเกินไปจนแทบไม่มีการบอกใบ้ในหลายฉาก หรือมีแต่ให้เห็นจิ๊ดเดียวอาจทำให้คนเล่นที่กำลังอินกับฉากนั้นๆ ต้องเสียอารมณ์แล้วมาปวดกระโหลกเพื่อหาทางออกแทน , บั๊กฉากเกมเพลที่ดูงี่เง่าและดูแปลกๆ จนต้องโหลดเล่นฉากนั้นใหม่ ไปจนถึงตัวละคร NPC ขยับแปลกๆ จนเหมือนหลุดออกจากการควบคุม

Deadlight เป็นเกมอินดี้เล็กๆ แต่มีความแปลกใหม่ องค์ประกอบที่น่าสนใจ ถ่ายทอดตัวเกมที่ดีเยี่ยมทั้งรูปแบบเกมเพล , กราฟฟิก , เพลงประกอบ และเนื้อเรื่อง ถึงแม้ว่าเนื้อเรื่องจะไม่ได้ดีเด่อะไรมากมาย แต่ก็ไม่ใช่เนื้อเรื่องของหนังเกรด B กระโหร่งก๊องแก๊ง คนไหนที่ชอบเกมแนวเอาตัวรอดจากซอมบี้หรือชอบเนื้อเรื่องที่นำเสนอจิตใจของมนุษย์ละก็ ท่านก็น่าจะชอบเกมนี้ไม่น้อยเลยครับ

จุดเด่น
– นำเสนอเกมเพลที่น่าสนใจ ผสานกับเนื้อเรื่องชวนติดตาม
– เกมเหมือนไม่มีอะไร แต่ทวีความตื่นเต้นให้กับการเล่นเรื่อยๆ จนกระทั่งไคลแมกซ์ของเกม
– การออกแบบเกมเพลที่ชาญฉลาด สนุก ท้าทาย และน่าจดจำ
– รีดประสิทธิภาพของ Unreal Engine ออกมาได้ดีมากทั้งๆ ที่เป็นเกมแนว Side-Scrolling
– เพลงประกอบเข้าบรรยากาศ เสียงพากษ์ตัวละครจดจำได้ทันที

ข้อเสีย
– เกมสั้นไปหน่อย เล่นเซียนๆ 3 – 4 ชั่วโมงก็จบแล้ว สำหรับร้านเน็ต ไม่ค่อยคุ้มกับเงินที่จ่ายไปเท่าไหร่กับเกมแนวนี้
– อาศัยการสังเกตและการเพ่งมองในฉากมากไปจนอาจทำให้คนเล่นต้องเสียอารมณ์หากว่ากำลังอินกับฉากนั้น
– เนื้อเรื่องเกมนี้เน้นจิตใจของมนุษย์มาก ไม่เหมาะกับคนที่ชอบไล่ฆ่าซอมบี้เพื่อความสะใจ
– ต้องใช้ทักษะภาษาอังกฤษในการเล่น ถ้าพออ่านออกก็เล่นได้ แต่อาจไม่รู้เรื่องราวในเกมเท่าไหร่นัก
– เหมาะสำหรับคนเล่นระดับผู้ใหญ่ , คนที่ชื่นชอบหนังหายนะซอมบี้ แต่ไม่เหมาะกับคนที่ชอบเล่นเกมแนวตบซอมบี้และเด็กๆ เล่นเท่าไหร่นัก แม้ภาพจะไม่รุนแรง แต่การเล่นของเด็กๆ ที่ไม่สนใจเนื้อเรื่องอาจเลิกเล่นกลางทางเพราะแก้ปริศนาไม่ออห

สำหรับไฟล์เซฟเกมนั้นไปหลบอยู่ใน Documents\My Games\Deadlight นะครับ

ร้านอินเตอร์เน็ตสามารถซื้อเกมนี้ลงร้านได้ในราคา 445 บาท

ลิ้ง – http://store.steampowered.com/app/211400/

Leave a comment