เมื่อวันที่ 1 มิถุนายนที่ผ่านมา ทางบริษัท การีน่า ออนไลน์ (ประเทศไทย) จำกัด ได้จัดงานแถลงข่าวเปิดบ้านต้อนรับสื่อมวลชน เพื่อประกาศถึงธุรกิจของทางบริษัทการีน่าที่กำลังทำ พร้อมเผยความสำเร็จการรุกตลาดแพลตฟอร์มการสื่อสารและความบันเทิงที่เชื่อมต่อสังคมออนไลน์และธุรกิจ e-Commerce รวมไปถึงระบบการจัดการด้านการเงินออนไลน์ ผ่านระบบคอมพิวเตอร์และสมาร์โฟน อย่างเต็มรูปแบบ โดยงานแถลงข่าวครั้งนี้จัดขึ้นที่ อาคาร AIA Capital Center กรุงเทพฯ
คุณมณีรัตน์ อนุโลมสมบัติ (คุณนก) ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของบริษัท การีน่า ออนไลน์ (ประเทศไทย) จำกัด ได้กล่าวแนะนำที่มาของบริษัทการีน่าว่าได้ก่อตั้งขึ้นเพื่อต้องการให้ผู้คนได้รับความสะดวกสบายในการใช้เทคโนโลยีมากขึ้น โดยเริ่มต้นที่การเปิดให้บริการเกม โดยปัจจุบันนั้น มีพนักงานทำงานอยู่กว่า 1,000 คนเลยทีเดียว โดยปัจจุบัน ทางการีน่าได้มีการแตกไลน์ธุรกิจออกเป็นสามสาย ได้แก่ ดิจิตอลคอนเท้นต์ , เพลเม้นต์ และ eCommerc โดยดิจิตอลคอนเท้นต์นั้นจะเน้นเรื่องที่ธุรกิจเกม ที่เป็นธุรกิจหลัก โดยมีเกม PC บริการ 7 เกม ยอดผู้สมัครเล่นเกมมากที่สุดในประเทศไทยกว่า 27 ล้าน USER และมีผู้ร่วมเล่นเกมมือถือมากกว่า 8 ล้าน ID รวมไปถึงแพล็ตฟอร์ม Garena Plus ที่เป็นแพล็ตฟอร์มคอมมูนิตี้ของคนเล่นเกมและคนทำงานออนไลน์มากกว่า 2 ล้านคนต่อวัน รวมไปถึง TALK TALK บริการความบันเทิง ที่มีผู้ใช้งานมากกว่า 10 ล้านคนต่อวันเลยทีเดียว
ทางการีน่าได้มีนโยบายผลักดันวงการ E-Sport เพื่อสร้างภาพลักษณ์ที่ดีของวงการเกม ซึ่งปัจจุบัน มีทัวร์มาเม้นต์กว่า 46 ทัวร์นาเม้นต์ , มีทีมผู้เข้าแข่งขันมากกว่า 20,000 ทีม มีผู้ชมการแข่งขัน 1.2 ล้าน และมีเงินรางวัลมูลค่ากว่า 17 ล้านบาท ซึ่งทางการีน่าก็ต้องการที่จะผลักดันวงการ E-Sport ให้ได้อย่างต่อเนื่อง รวมไปถึงทางการีน่ายังมีแผนที่จะมองหาเกมใหม่ๆ นำเข้ามาเปิดบริการ และเกมนั้นจะต้องเป็นเกมที่ซัพพอตการแข่งขัน E-Sport ด้วย
สำหรับธุรกิจด้านเพลเม้นต์นั้น ทางการีน่าก็ได้มีบริการ AIR PAY อยู่ ซึ่งเป็นการทำธุรกรรมทำการเงินครบวงจรที่จะสามารถซื้อสินค้า , จ่ายบิล หรือชำระสินค้าได้ทุกที่ทุกเวลา โดยเริ่มต้นนั้นทางการีน่าได้เน้นเริ่มต้นที่การเติมเกมเป็นหลัก ต่อมา ทางการีน่าก็ได้ขยายเพิ่มโปรดักมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการซื้อตั๋วชมภาพยนตร์ , เติมเงินมือถือ , ชำระบิลค่านํ้า ไฟสาธารณูโภค รวมไปถึงการบริจาคก็สามารถทำได้ โดยมีมูลนิธิที่ร่วมกับทาง AIR PAY ถึง 26 มูลนิธิเลยทีเดียว
ปัจจุบันนั้น AIR PAY ได้เปิดบริการแล้ว 1 ปี มีผู้ร่วมการใช้งานมากกว่า 800,000 คนแล้ว และทาง AIR PAY นั้นก็เป็นแอพพลิเคชั่นเพลเม้นต์เดียวที่เชื่อมต่อกับทางโรงภาพยนตร์เต็มรูปแบบเป็นแอพแรกในประเทศ นั่นก็คือ การร่วมมือกับทาง SF Cinema ที่ผู้ใช้สามารถจองตั๋วหนังและจองที่นั่งได้เลยโดยไม่ต้องไปซื้อที่หน้าโรงเลยแม้แต่น้อย และปัจจุบัน ทาง AIR PAY ได้มีบริการชำระเงินร่วมกับทางธนาคารถึง 4 ธนาคาร , ตัดเงินผ่านบัตรเครดิต และผ่านเค้าเตอร์ AIR PAY ตามตัวแทนจำหน่าย และร้านอินเตอร์เน็ตต่างๆ กว่า 60,000 จุดทั่วประเทศไทย
และธุรกิจสุดท้ายก็คือ eCommerce ที่ทางการีน่าได้พัฒนาแอพพลิเคชั่นใหม่ Shopee ซึ่งเป็นแพล็ตฟอร์มตลาดออนไลน์บนมือถือที่สามารถสั่งซื้อสินค้าผ่านระบบออนไลน์ได้ทุกที่ ทุกเวลา ซึ่งปัจจุบัน มียอดดาวโหลดแอพตัวนี้แล้วกว่า 2,000,000 ราย ร้านค้ากว่า 30,000 ร้าน และมีสินค้าหลากหลายกว่า 2 ล้านรายการ ซึ่งได้มีการร่วมมือกับทางไปรษณีย์ไทยในการจัดส่งสินค้าฟรีได้อีกด้วย โดยทางการีน่าได้ชูจุดเด่นว่า แอพตัวนี้มีความปลอดภัยสูง ผู้ซื้อได้สินค้าได้แน่นอน ไม่มีค่าธรรมเนียมใดๆ ทั้งคนซื้อและคนขาย และมีการจัดอีเวนคอมมูนิตี้เพื่อให้ผู้ซื้อและผู้ขายได้พบเจอกันได้ด้วย
สุดท้ายนี้ ทางการีน่ายังได้ทิ้งท้ายถึงแผนการในอนาคตต่อไปด้วยว่า ทางการีน่าจะโฟกัสที่ตลาดในเมืองไทย , eCommerce และภาครัฐที่ทางการีน่าสนใจจะเข้ามามีส่วมร่วมมากขึ้น โดยเฉพาะการพัฒนาสินค้า และบริการเพื่อตอบโจทย์เพื่อซัพพอตกับกลุ่มคน Gen Y ที่จะมีการใช้แพล็ตฟอร์มอย่างมือถือกันมากขึ้น
