Genshin Impact ได้อัปเดตโหมดใหม่ที่มาในรูปแบบการเล่นแบบ Sandbox ที่กำลังจะเป็นหมุดหมายใหม่ของก้าวต่อไปและยุทธศาสตร์ระยะยาว
เป็นเวลานานหลายปีที่ Genshin Impact ยืนหยัดในฐานะราชาแห่งเกม Gacha-based Open-World แต่ท่ามกลางกระแสคลื่นลมของคู่แข่งหน้าใหม่และการเดินทางของเนื้อเรื่องที่ดำเนินมาอย่างยาวนาน คำถามที่หลายคนสงสัยคือ “อะไรต่อ?” และการอัปเดตล่าสุดก็ได้ให้คำตอบที่ชัดเจนและทะเยอทะยานที่สุดในชื่อ “แดนอัศจรรย์พันดารา” (Imaginarium) นี่ไม่ใช่แค่โหมดเกมใหม่ แต่คือการประกาศว่า Genshin Impact กำลังจะเปลี่ยนตัวเองจาก “เกม” ไปสู่ “แพลตฟอร์ม”
“แดนอัศจรรย์พันดารา” คืออะไร?
“แดนอัศจรรย์พันดารา” คือโหมด Sandbox เต็มรูปแบบที่แยกตัวออกมาจากเกมหลักอย่างชัดเจน มันคือการมอบเครื่องมือ “ผู้พัฒนา” ให้กับ “ผู้เล่น” ให้อิสระในการสร้างสรรค์ประสบการณ์การเล่นของตัวเองโดยใช้ทรัพยากร (Assets) ทั้งหมดที่ HoYoverse สร้างขึ้นมาในโลก Teyvat

ในโหมดนี้ ผู้เล่นสามารถออกแบบด่าน, มินิเกม, เกมแนว Platformer, ด่านไขปริศนา, หรือแม้กระทั่งสร้างฉากคัตซีนเพื่อเล่าเรื่องราวแฟนฟิค (Fan-fic) ของตนเอง ผู้เล่นสามารถวางศัตรู, ตั้งค่ากลไก, เขียนบทสนทนา และกำหนดเงื่อนไขการแพ้-ชนะได้ สิ่งที่ทำให้มันทรงพลังคือการ “แชร์” ผู้เล่นสามารถอัปโหลดผลงานสร้างสรรค์ของตนให้คนทั่วโลกเข้ามาเล่นได้ และในขณะเดียวกัน ก็สามารถเข้าไปท่องในโลกจินตนาการของผู้เล่นคนอื่นได้อย่างไร้ขีดจำกัด
วิวัฒนาการที่วางแผนไว้: จาก “กาน้ำชา” สู่ “จักรวาล”
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ HoYoverse ทดลองแนวคิดนี้ หากเรามองย้อนกลับไป จะเห็นร่องรอยของการปูทางมาอย่างชัดเจน

Divine Ingenuity (สรรค์สร้างด้วยหัตถ์สวรรค์)
นี่คือกิจกรรมจำกัดเวลาที่เปรียบเสมือน “ตัวต้นแบบ” (Prototype) แรกสุด มันพิสูจน์ให้เห็นว่าผู้เล่น “กระหาย” ที่จะสร้างด่านและท้าทายเพื่อน ๆ แต่ข้อจำกัดของมันคือความซับซ้อนที่ยังมีน้อยและเป็นเพียงกิจกรรมชั่วคราว

Serenitea Pot (ระบบกาน้ำชา)
นี่คือ “สนามทดลอง” ที่สอง ที่ให้อิสระในการจัดวางและออกแบบพื้นที่ส่วนตัว ระบบนี้ซับซ้อนกว่ามาก มีการวางตรรกะของเฟอร์นิเจอร์ และพิสูจน์ว่าผู้เล่นพร้อมจะใช้เวลาหลายสิบหลายร้อยชั่วโมงเพื่อ “สร้าง” มากกว่า “เล่น”

“แดนอัศจรรย์พันดารา” คือการนำบทเรียนจากทั้งสองระบบมารวมกัน ถอดข้อจำกัดเรื่องเวลา (ของ Divine Ingenuity) และข้อจำกัดเรื่องพื้นที่ (ของ Serenitea Pot) ออกไป แล้วยกระดับมันขึ้นเป็นโหมดการเล่นถาวรที่มีสเกลใหญ่ระดับจักรวาลของตัวเอง
ทำลายกำแพง: อิสรภาพจาก Progression ของเกมหลัก

จุดเปลี่ยนที่สำคัญที่สุดของโหมดนี้ คือการ “ไม่จำเป็นต้องเชื่อมโยงกับเกมหลัก” HoYoverse ฉลาดพอที่จะรู้ว่า หากการเข้าเล่นโหมดนี้ต้องใช้ตัวละครที่ปั้นมาอย่างดี หรือต้องเคลียร์เนื้อเรื่องไปจนถึงบทล่าสุด มันจะเป็นการปิดกั้นผู้เล่นใหม่และผู้เล่นสายแคชชวลทันที

“แดนอัศจรรย์พันดารา” จึงไม่มีข้อจำกัดเหล่านั้น ไม่ว่าคุณจะเป็นผู้เล่นเลเวล 1 หรือผู้เล่นที่พิชิต Spiral Abyss มาแล้ว คุณก็มีสิทธิ์เท่าเทียมกันในการ “สร้าง” และ “เล่น” ในโหมดนี้ นี่คือการเปิดประตูต้อนรับผู้เล่นทุกกลุ่ม โดยเฉพาะผู้เล่นที่อาจจะ “เบื่อ” การฟาร์ม Artifacts หรือการต่อสู้แบบเดิม ๆ ให้กลับมามีส่วนร่วมกับเกมในมิติใหม่

ในแง่นี้ มันจึงทำหน้าที่คล้ายกับแพลตฟอร์ม Sandbox รุ่นพี่อย่าง Garry’s mod (ที่ใช้ Assets จากเกมในเอนจิ้น Source), Roblox, Minecraft หรือแม้แต่ FiveM (โหมด Roleplay ของ GTA V) ที่ซึ่งคอมมูนิตี้เป็นผู้ขับเคลื่อนเนื้อหาหลัก และสร้างประสบการณ์ใหม่ ๆ จากทรัพยากรเดิมที่มีให้
โมเดลรายได้ใหม่: “หุ่นแดนอัศจรรย์” และการแยกกระเป๋าเงิน

การเปิดโหมดใหม่ย่อมมาพร้อมกับช่องทางการสร้างรายได้ใหม่ที่ชาญฉลาด HoYoverse ได้เปิดตัวระบบ “หุ่นแดนอัศจรรย์” (Imaginarium Puppets) นี่คืออวตาร (Avatar) ที่ผู้เล่นจะใช้เป็นตัวแทนในโหมดนี้ แทนที่จะใช้ตัวละครจากเกมหลัก

ผู้เล่นสามารถปรับแต่ง “หุ่น” เหล่านี้ได้อย่างอิสระ ทั้งทรงผม, หน้าตา, สีผิว และชุดแฟชั่น ซึ่งแน่นอนว่า “ของแต่ง” เหล่านี้คือช่องทางการสร้างรายได้ใหม่ที่จะมีทั้งแบบซื้อได้ทันที, แบบที่มากับ Pass ประจำโหมด และแบบที่ต้องสุ่มกาชา (สำหรับสกินระดับสูง) นี่คือการ “แยกกระเป๋าเงิน” ออกจากเกมหลักอย่างสิ้นเชิง ผู้เล่นที่ต้องการความก้าวหน้าในเกมหลักก็ยังคงเติมเงินให้กาชาตัวละครและอาวุธ ส่วนผู้เล่นสายสร้างสรรค์หรือสายแฟชั่น ก็สามารถเติมเงินให้กับการแต่งตัว “หุ่น” ในโหมด Sandbox ได้ ทำให้เกมเดียวสามารถหารายได้ได้ถึงสองทาง

และเพื่อเชื่อมโยงสองโหมดนี้เข้าด้วยกัน HoYoverse ยังอนุญาตให้ผู้เล่นนำ “หุ่นแดนอัศจรรย์” ที่แต่งตัวสวยงามนี้ ออกไปวิ่งเล่นในโลก Teyvat (โหมดปกติ) ได้ด้วย! แม้ว่าในแง่การต่อสู้ หุ่นเหล่านี้จะมีความสามารถเพียงเทียบเท่าตัวละคร 4 ดาวทั่วไป ไม่ได้เก่งกาจอะไร แต่มันก็เป็นโบนัสที่ยอดเยี่ยมสำหรับคนที่ทุ่มเทให้กับการแต่งตัวอวตารของตน
ศึกครั้งใหม่ท่ามกลางคู่แข่งที่น่ากลัว
ณ วันที่ 22 ตุลาคม 2025 ที่โหมดนี้เปิดตัวอย่างเป็นทางการ กระแสตอบรับจากสื่อและคอมมูนิตี้ยังอยู่ในช่วงเริ่มต้นของการสำรวจ แต่คำถามสำคัญคือ โหมดนี้จะช่วยปลุกกระแส Genshin Impact ได้จริงหรือ?

ต้องไม่ลืมว่าตลาดเกม Open-World ธีมอนิเมะในวันนี้ ดุเดือดกว่าช่วงที่ Genshin เปิดตัวมาก Wuthering Waves แม้จะเปิดตัวได้ไม่สวยงามนัก แต่ก็กำลังตั้งหลักและชิงส่วนแบ่งตลาดไปได้ ที่น่ากลัวกว่าคือคู่แข่งที่กำลังจะเปิดอย่าง Duet Night Abyss รวมไปถึงที่จะมาในอนาคตอันใกล้ เช่น Neverness to Everness ที่มาพร้อม Unreal Engine 5.5 และได้รับความสนใจอย่างมากในตลาดจีน หรือ ANANTA ที่สร้างกระแสฮือฮาด้วยการชูจุดเด่นว่าเป็นเกมกึ่ง GTA และ “ไม่มีระบบกาชาตัวละคร” ซึ่งโจมตีจุดอ่อนของ Genshin โดยตรง
การที่ Genshin Impact เลือกที่จะไม่สู้ในสมรภูมิ “เกม Open-World” ที่ดีกว่าเพียงอย่างเดียว แต่กลับ “เพิ่ม” สมรภูมิ “Sandbox” เข้ามา ถือเป็นกลยุทธ์ที่หลักแหลม เพราะมันอาจคือการบอกคู่แข่งว่า “ในขณะที่คุณพยายามจะเป็น Genshin-Killer พวกเรากำลังจะก้าวไปเป็น Roblox” ซึ่งทำให้ตัวเกมพัฒนาไปมากกว่าเกม เพื่อให้กลายเป็นแพลตฟอร์มหนึ่ง
ขีดจำกัดของการสร้างสรรค์ และกำแพง 138GB
แน่นอนว่า “แดนอัศจรรย์พันดารา” ยังมีข้อจำกัดเมื่อเทียบกับรุ่นพี่ ยกตัวอย่างเช่น
1. ขีดจำกัดด้านการสร้าง

มันยังคงเป็น “Walled Garden” (สวนที่มีกำแพงล้อม) ผู้เล่นสามารถใช้ได้เฉพาะ Assets ที่ HoYoverse เตรียมไว้ให้ ไม่สามารถนำเข้าโมเดล 3 มิติ หรือเขียนสคริปต์ที่ซับซ้อนอย่างภาษา Lua ใน Roblox ได้ในตอนนี้
ขีดจำกัดด้านโมเดลธุรกิจ

ในขณะที่ Roblox หรือ FiveM สร้างแรงจูงใจให้ครีเอเตอร์ด้วยการ “แบ่งปันรายได้” (Revenue Share) ทำให้เกิดการสร้างสรรค์ผลงานระดับมืออาชีพ แต่โหมดของ Genshin ในปัจจุบันยังเป็นระบบ “สร้างเพื่อแชร์” ไม่ใช่ “สร้างเพื่อขาย” ซึ่งเป็นการควบคุมคุณภาพและป้องกันการเกิด “เกมที่ไม่สนุก” แต่ก็อาจจำกัดเพดานการเติบโตของครีเอเตอร์ได้เช่นกัน
และอุปสรรคที่ใหญ่หลวงที่สุดสำหรับ “ผู้เล่นใหม่” คือ “ขนาดไฟล์เกม”

ณ ปัจจุบัน Genshin Impact (รวมทุกอย่าง) มีขนาดไฟล์ติดตั้งบน PC สูงถึงประมาณ 138GB การที่จะต้องดาวน์โหลดเกมขนาดมหึมานี้ เพื่อเข้าไปเล่น “เพียงโหมดเดียว” ถือเป็นกำแพงที่สูงลิ่ว เมื่อเทียบกับ Roblox, Minecraft หรือ garry’s mod ที่มีขนาดเล็กกว่ามหาศาล นี่จึงอาจเป็นการวิเคราะห์ได้ว่า เป้าหมายหลักของ HoYoverse ในระยะแรก ไม่ใช่การดึง “ผู้เล่นใหม่” ที่ไม่เคยสนใจ Genshin เลย แต่คือการ “รักษา” และ “ดึงกลับ” ฐานผู้เล่นเดิมต่างหาก
อนาคตของ Genshin Impact แพลตฟอร์ม IP สองขั้ว
“แดนอัศจรรย์พันดารา” จะเปลี่ยนทิศทางของ Genshin Impact ไปตลอดกาล ซึ่งมองได้ถึง 3 กลุ่มผู้เล่นหลัก
สำหรับผู้เล่นปัจจุบัน: นี่คือ Endgame Content ที่แท้จริงสำหรับคนที่ไม่ชอบการต่อสู้จับเวลาใน Abyss มันคือพื้นที่ปลดปล่อยจินตนาการสำหรับคอมมูนิตี้ศิลปินและนักเล่าเรื่องที่มีอยู่มหาศาล
สำหรับผู้เล่นที่เลิกไปแล้ว: นี่คือเหตุผลชั้นดีที่จะกลับมาติดตั้งเกมอีกครั้ง โดยไม่ต้องกังวลว่าจะตามเนื้อเรื่องหรือตัวละครเมต้าไม่ทัน
สำหรับผู้เล่นใหม่: แม้จะมีกำแพงเรื่องขนาดไฟล์ แต่หากพวกเขาก้าวข้ามมาได้ พวกเขาจะได้รับประสบการณ์ 2-in-1 ที่ไม่มีเกมไหนให้ได้
Genshin Impact กำลังจะกลายเป็น “Hub” หรือศูนย์กลางของ IP ที่มีสองเสาหลักที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง นั่นก็คือ
1. โหมด Teyvat (เกมหลัก): การผจญภัยแบบ Open-World RPG เสพเนื้อเรื่อง เข้มข้น และขับเคลื่อนด้วยระบบกาชา
2. โหมด Imaginarium (Sandbox): แพลตฟอร์ม UGC (User-Generated Content) ที่ขับเคลื่อนด้วยความคิดสร้างสรรค์ และสร้างรายได้จากระบบแฟชั่นอวตาร

นี่คือการเดินหมากครั้งสำคัญของ HoYoverse เพื่อรับประกันว่า Genshin Impact จะไม่ได้เป็นเพียง “เกมที่ดังแล้วดับไป” แต่คือการวางรากฐานเพื่อพัฒนาไปสู่ “IP แพลตฟอร์ม” ที่จะคงอยู่ไปอีกนับทศวรรษ