“Honkai: Star Rail” จะมีการอัปเดตเวอร์ชัน 3.3 ในวันที่ 21 พ.ค. นี้ เราได้ทำการทำเนื้อเรื่องสรุปเรื่องราวของดาว Amphoreus มาให้อ่านกัน!
บทความนี้ได้รับความร่วมมือกับทางเพจ OrnnSlott ในการช่วยเขียนสรุปเรื่องราวมาด้วย ต้องขอขอบคุณมา ณ ทีนี้ด้วยครับ
Amphoreus

กลุ่มผู้บุกเบิก (คนเล่น) ได้ตัดสินใจเลือกไปบุกเบิกสำรวจดาว Amphoreus ที่ไม่เคยมีใครในจักรวาลไปสำรวจมาก่อน โดย Black Swan เป็นคนแนะนำให้ทีม Astral Express เลือกไปสำรวจดาวดวงนี้ Black Swan เชื่อว่า Amphoreus คือ “ดินแดนลืมเลือน” (Land of Oblivion) ที่มีข้อมูลลับเกี่ยวข้องกับ “ความทรงจำของจักรวาล” ที่หายไป ถูกหลงลืม หรือถูกซ่อนโดยจงใจ เนื่องจากเธอเป็นสมาชิกของ Garden of Recollection (สวนแห่งความทรงจำ), ซึ่งศรัทธาใน Path ของ “ความทรงจำ” จึงเชื่อว่าที่แห่งนี้มี “เศษเสี้ยวของความจริง” เกี่ยวกับจักรวาลและ Stellaron
นอกจากนี้ เธอมีการพาดพิงว่า อาจเคยเห็น Amphoreus ในคำพยากรณ์ของผ้าคลุมแห่งความทรงจำ หรือในลูปของความฝัน (เพราะเธอเป็นนักพยากรณ์) และเชื่อว่าผู้บุกเบิกจะมีบทบาทสำคัญที่นั่น
โดยผู้บุกเบิกกับ Dan Heng จะสำรวจนำร่องไปก่อนสองคน เนื่องจาก March 7th เกิดอาการไม่ดี โดย March 7th ฝากกล้องถ่ายรูปให้เราถ่ายภาพในดาวมาให้แทนเธอ
ผู้บุกเบิกที่ไปตายแล้วกับ MEM

ผู้บุกเบิกกับ Dan Heng ใช้โบกี้รถไฟตู้เล็กเดินทางลงมา แต่ถูกโจมตีและติดต่อกับรถไฟหลักไม่ได้ อิงจากเนื้อเรื่องล่าสุด ผู้บุกเบิกจริง ๆ คือตายไปตั้งแต่ตอนนั้นแล้ว นี่คือจุดพีคและชวนช็อกของเรื่อง Amphoreus เพราะ “ร่างเนื้อดับสิ้น” ไปจริงๆ แล้ว ณ เวลาถูกโจมตีในตอนลงจอด แต่… จิตวิญญาณ / ความทรงจำ / ตัวตนบางอย่างยังคงอยู่ ผ่านการคงอยู่ของ “MEM”
ดาว Amphoreus ถูกกล่าวว่าหลุดออกจากเวลา (Chrono-isolation) จึงทำให้สิ่งที่ตายแล้วไม่ตายไปจริง — เพราะวิญญาณไม่สามารถไปถึง “โลกแห่งความตาย” ได้ และเพราะผู้บุกเบิกอาจมี Stellaron (ต้นเหตุของหายนะ) อยู่ภายในตัว, มันจึงทำให้การ “ตาย” นั้นไม่สมบูรณ์แบบ และอาจเป็นสาเหตุที่ MEM เกิดขึ้นได้
ทฤษฎีหนึ่งในเกม บอกว่า MEM อาจมีตัวตนเพราะอิทธิพลของ “ไททันแห่งกาลเวลา” ที่ควบคุมเวลาและความทรงจำ จึงดึงร่างผู้บุกเบิกจากชั่วขณะก่อนตายมา “คงอยู่” ต่อไปในโลกแห่ง Amphoreus
ที่มั่นสุดท้ายของชาว Amphoreus

ผู้บุกเบิกกับ Dan Heng ได้พบกับสองวีรชนแห่งดาว Amphoreus คือ Phainon และ Tribbie (ร่างแยกของนักบุญหญิง Tribios ) ทำให้รู้ว่าดาวดวงนี้กำลังเผชิญวิกฤตกำลังจะล่มสลาย โดย “คลื่นทมิฬ” ที่มาโจมตี คลื่นทมิฬจะเข่นฆ่าชาวดาวและทำให้ศพของพวกเขากลายเป็นสัตว์ประหลาดมาโจมตีอีกที และรู้ว่าดาวแห่งนี้มีเทพที่เรียกว่า “ไททัน” ซึ่งเป็นผู้สร้างโลก (สร้างดาว) ดวงนี้ขึ้นมา แต่การเสื่อมถอยของไททันและการที่ไททันกับชาวดาวเริ่มไม่ติดต่อกัน ทำให้ความศรัทธาของชาวดาว Amphoreus กับไททันเริ่มลดลงไปบางส่วน และพลังของไททันที่ยังเหลือ ก็พยายามปกป้องดาวดวงนี้เอาไว้จนแทบเหลือที่มั่นสุดท้าย คือ Okhema ที่ยังปลอดภัยดี
Okhema (ออกเสียงว่า “โอคีมา”) คือ “นครหลวง” และเป็น ที่มั่นสุดท้ายของชาว Amphoreus ที่ยังคงยืนหยัดต่อคลื่นทมิฬอยู่ได้ คำว่า Okhema มีรากศัพท์จากภาษากรีก หมายถึง “พาหนะ” หรือ “ตัวกลางนำทาง” ซึ่งอาจสื่อถึงว่าเป็นศูนย์กลางสุดท้ายในการนำพาชาวดาวไปสู่ความอยู่รอด
วัฏจักรที่ผิดเพี้ยน

ในอดีต ดาว Amphoreus เคยเป็นยุคทอง แต่เดิม Amphoreus ไม่มีความตาย ผู้คนเป็นอมตะเพราะอิทธิพลของไททัน การกำเนิดของไททันแห่งความตาย ทำให้เกิดวัฏจักรเกิด-ตาย (คล้ายแนวคิดจาก Gnosticism) โดยมี แม่น้ำแห่งความตาย (Lethe River) เป็นทางผ่านไปยังโลกแห่งความตาย
Castorice และน้องสาวฝาแฝดของเธอ คือผู้ที่ได้รับการพยากรณ์จากไททันแห่งความตาย แต่การจะรีบสืบทอดพลัง จะต้องเข่นฆ่าคนในครอบครัวตัวเอง น้องสาวของ Castorice ยอมรับไม่ได้ที่จะต้องสืบทอดพลังของไททันแห่งความตายที่อาจต้องสูญเสียพี่สาวตัวเองไป ใช้พลังฝืนกฎแห่ง Lethe ส่งพี่สาวกลับมาโลกคนเป็น เพราะไม่อยากให้พี่ต้องตาย แต่ผลลัพธ์คือ Castorice กลับมาในสภาพวิญญาณ “ผิดธรรมชาติ” ที่เมื่อสัมผัสสิ่งมีชีวิตจะทำให้ส่งมันสู่ Lethe โดยตรง (คล้าย “เทพแห่งความตาย” โดยไม่ตั้งใจ) และน้องสาวกลับกลายเป็น “มังกรวิญญาณคลุ้มคลั่ง” ที่กักขังประตูแห่งโลกความตาย ส่งผลให้วิญญาณของชาวดาวที่ตายแล้ว “ค้าง” อยู่ในแดนกึ่งกลางที่ไปยังโลกแห่งความตายไมได้
ผู้สืบสายเลือดทองคำ

ผู้บุกเบิกกับ Dan Heng หลังจากทราบเรื่องราวของดาว Amphoreus คร่าว ๆ ก็ได้เดินทางไปยังนคร Okhema และพบกับ Aglaea ผู้นำที่เป็นสายเลือดทองคำ หรือ “Golden Bloodline” คือเชื้อสายที่สืบทอดพลังโดยตรงจากไททัน Aglaea เป็นผู้นำสูงสุดแห่ง Okhema และสืบเชื้อสายโดยตรงจาก “Titan of Insight” (ไททันแห่งปัญญา) จึงมีอำนาจพิเศษในการควบคุมศรัทธาและเวทศาสตร์ของนครหลวง
ผู้ซึ่งเป็นสายเลือดทองคำ หรือวีรชนของดาว Amphoreus ที่ได้รับพลังของไททันมาจนเป็นครึ่งเทพ มีชีวิตยืนยาวกว่าคนทั่วไปและมีพลังพิเศษที่ได้รับมาจากไททันตนนั้น ๆ และหน้าที่ของพวกเขาก็คือ การปกป้องดาว Amphoreus จากการคุกคามของคลื่นทมิฬเพื่อไม่ให้ดาวล่มสลาย โดย Phainon ยังไม่ผ่านการทดสอบไททันเพื่อเป็นครึ่งเทพในเวลานั้น
Aglaea ให้การต้อนรับโดยเน้นย้ำว่า ห้ามเปิดเผยกับชาวเมืองล่วงรู้ถึงการมีอยู่ของจักรวาลนอกดาว Amphoreus และให้ ผู้บุกเบิกกับ Dan Heng สามารถสำรวจในเมืองได้อิสระ
มีชาวเมืองคนหนึ่งที่สันนิษฐานการมีอยู่ของจักรวาลนอกดาว Amphoreus และดันรู้จากกล้องถ่ายรูปที่ March 7th ฝากมา เพราะมีระบบบันทึกภาพที่ล้ำหน้าผิดธรรมชาติ เขานำเรื่องนี้ไปเผยแพร่ในบอร์ดออนไลน์ เพื่อเตือนว่ามี “สิ่งแปลกปลอมจากนอกโลก” อยู่ในเมือง และเราพยายามไปหยุดเอาไว้เพื่อไม่ให้เขาต้องถูกลงโทษ ผลการนั้นทำให้ Aglaea ตัดสินว่าผู้บุกเบิกกับ Dan Heng คือสายลับจากศัตรูและต้องถูกจับ Dan Heng จึงได้บอกไปว่า การบุกเบิกคือการมาช่วยเหลือ แต่หากทางดาว Amphoreus ไม่ต้องรับพวกเขาก็จะพร้อมที่จะจากไป Phainon จึงได้พูดเพื่อช่วยปกป้องเรา
Mydei และการล่มสลายของนคร

– Mydei หนึ่งในวีรชน ทายาทแห่งกษัตริย์คนสุดท้ายของ Kremnos เมืองที่ครั้งหนึ่งเคยยิ่งใหญ่แต่ปกครองด้วยความโหดร้ายจากพ่อของ Mydei ผู้เป็นทรราช Mydei ในวัยเด็กถูกพ่อโยนลงเหวตามธรรมเนียมโบราณของราชวงศ์ เพื่อทดสอบความคู่ควรกับการมีชีวิตรอด
Mydei ที่รอดชีวิตจากเหวนั้นและเติบโตขึ้นมาด้วยความแข็งแกร่ง จากนั้นได้ สังหารพ่อของตนเอง เพื่อยุติยุคแห่งทรราชย์ แต่ในเวลาไม่นาน คลื่นทมิฬ (Umbral Tide) ก็พัดถล่มนครของจนพินาศ ชาวเมืองที่หนีรอดออกมากลายเป็นชนพลัดถิ่น ผู้โหยหาการกลับคืนสู่บ้านเกิด ะพวกเขาเชื่อว่าหาก Mydei กลับขึ้นครองบัลลังก์และฟื้นฟูนคร Kremnos ขึ้นมาอีกครั้ง พวกเขาจะสามารถทวงคืนศักดิ์ศรีและดินแดนได้ แม้จะต้องสละชีวิตก็ตาม โดยเฉพาะ นายพล ผู้ยึดมั่นในอุดมการณ์นี้ พยายามโน้มน้าวให้ Mydei ขึ้นบังลังก์อีกครั้ง
แต่นครเดิมของ Mydei ตั้งอยู่ใกล้ “ประตูมิติแห่งรอยแผล” (Riftgate) จุดที่คลื่นทมิฬผุดขึ้นมาไม่ขาดสาย และไม่มีทางหยุดยั้งได้ด้วยวิธีธรรมดา Mydei จึงเห็นว่า ทางเดียวที่อาจหยุดมันได้คือ การได้รับพลังครึ่งเทพ โดยผ่าน การทดสอบจากไททัน

มีผู้ถูกคัดเลือก 2 คน คือ Mydei กับ Phainon เพื่อเข้ารับการทดสอบของไททัน Mydei ตัดสินใจสละสิทธิ์ให้ Phainon เป็นผู้เข้ารับการทดสอบแทน แต่ Phainon ล้มเหลว และติดอยู่ในการทดสอบ จน Mydei และผู้บุกเบิก (ตัวเราผู้เล่น) ต้องเข้าไปช่วย และทำให้ Mydei กลายเป็นผู้ทดสอบแทนโดยไม่ได้ตั้งใจ การทดสอบของไททันคือการ เผชิญหน้ากับอดีตอันเจ็บปวดของตนเอง และเพื่อให้ได้รับพลังครึ่งเทพ ต้องยอมสละ “ความเป็นมนุษย์” ของตน
Tribbie และพลังแห่งประตูทวาร

หนึ่งในวีรชนคือ นักบุญหญิง Tribios ผู้เป็นครึ่งเทพคนแรก มีร่างแยกนับพัน และพลัง “ประตูทวาร (Gate of Lumen)” เชื่อมต่อสถานที่ห่างไกล แต่ทุกครั้งที่ใช้ อายุขัยจะค่อยๆลดลง และร่างกายก็จะย้อนวัย จนสุดท้ายร่างกายจะสลายไป แต่เนื่องจากช่วงที่ผ่านมาเกิดเหตุการณ์ที่ถูกไล่ล่าโดยเหล่าราชาที่ไม่อยากให้นักบุญหญิง Tribios เผยแพร่คำทำนาย ปัจจุบันเหลือเพียง 3 ร่างคือ Tribbie (ต้น), Trinnon และ Trianne
เมื่อ สถาบันการศึกษา Epiphany ถูกคลื่นทมิฬโจมตี Trianne, ผู้บุกเบิก และ Castorice เดินทางไปตรวจสอบและพบกับ อัศวินดำปริศนา ที่แข็งแกร่งเกินต้าน Trianne ใช้พลังประตูทวารเพื่อช่วยพวกเขาแต่พลังเสื่อมลงอย่างรุนแรง ความเชื่อมโยงระหว่างร่างเริ่มขาดหาย
แผนบีบของนายพล และการตายของ Trianne

นายพลที่อยากให้ Mydei กลับสู่บัลลังก์จึงวางแผนลับโดยใช้ Trianne เป็นเหยื่อล่อ เพื่อบีบให้ Mydei กลับมาเป็นราชา และ รับพลังไททัน เพื่อฟื้นฟูนครและนำพาประชาชนของตนกลับบ้านเกิด เขาเชื่อว่า “เมื่อ Mydei เห็นคนใกล้ชิดตายไปเพราะความลังเลของตน เขาจะยอมเป็นผู้นำที่ประชาชนต้องการ ไม่ใช่แค่ผู้รอดชีวิตอีกต่อไป นายพลเลือกจังหวะที่มั่นใจว่า Trianne จะใช้พลังนี้ พาคนอื่นหนี แล้วตายเอง ซึ่งจะยิ่งตอกย้ำว่า “คนอื่น ๆ เสี่ยงชีวิตเพราะเธอ” ซึ่งเกิดขึ้นจริง จุดนี้แสดงให้เห็นว่าคลื่นทมิฬยังคงรุนแรงและ Amphoreus ยังไร้ทางป้องกัน
Mydei ตัดสินใจ เข้ารับพลังไททัน กลายเป็นครึ่งเทพ สูญเสียความเป็นมนุษย์ และประกาศ ยุติสายเลือดราชวงศ์ของตน พร้อมสละตัวเองไปยังนครเดิม และ ต่อสู้กับกองทัพคลื่นทมิฬเพื่อถ่วงเวลา ให้วีรชนรุ่นใหม่ (รวมถึงผู้บุกเบิก) ได้มีโอกาสรับพลังไททัน Mydei สู้จนตายซ้ำแล้วซ้ำเล่า แต่พลังของไททันทำให้สามารถ ดึงจิตวิญญาณตัวเองกลับจากโลกคนตาย เพื่อฟื้นมาสู้ใหม่ได้ไม่สิ้นสุด
Anaxa ผู้ที่ดูหมิ่นเทพ

และในเวลานั้นก็ได้พบกับ Anaxa อาจารย์ผู้ที่ศึกษาพลังเล่นแร่แปรธาตุเพื่อหลอมรวมวิญญาณตนเองกับไททัน การกระทำนั้นถูกมองว่าหมิ่นไททัน แต่ก็ทำให้ Anaxa เข้าถึงความจริงแท้จริงของโลกใบนี้ รวมไปถึงเรื่องราวของไททันต่าง ๆ ที่ชาวเมืองไม่อาจรับรู้ได้ จริง ๆ แล้ว Anaxa ควรจะต้องตายไปนานแล้ว แต่เพราะได้ไททัน ยื้อชีวิตเอาไว้ เพื่อให้ Anaxa สามารถเปิดเผยเรื่องราวนี้ได้ต่อหน้าสภาอาวุโส ที่เป็นการรวมตัวของตัวแทนประชาชนที่กำลังมีปัญหาการเมืองกับ Aglaea เพราะมองว่า ผู้สืบสายเลือดทองคำ (หรือวีรชน) ไม่จำเป็นต่อการปกป้อง Amphoreus อีกต่อไป เพราะ Aglaea ใช้อำนาจหลาย ๆ อย่างในการดูแลเมือง ด้วยเหตุนี้ Anaxa เลยเข้า ๆ ออก ๆ แม่น้ำแห่งความตายได้ แต่ก็ไม่สามารถไปยังโลกแห่งความตายได้
ผู้บุกเบิกรับการทดสอบจากไททันแห่งกาลเวลา — แต่ความจริงคือเรา “ตายไปแล้ว”

ผู้บุกเบิกรับการทดสอบกับไททันแห่งกาลเวลา แต่ไททันแห่งกาลเวลาไม่สามารถรับเราสืบทอดพลังได้ เพราะความจริงคือตัวเราตายไปนานแล้ว Castorice พยายามหาวิธีช่วยชีวิตผู้บุกเบิก และได้รับคำแนะนำจาก Anaxa ให้เดินทางไปยัง โลกหลังความตาย เพื่อค้นหาความจริงเกี่ยวกับวัฏจักรชีวิต-ความตายของ Amphoreus และเพื่อใช้เป็น “ข้อพิสูจน์” ต่อสภาอาวุโส ที่จะตัดสินตามเสียงโหวตส่วนใหญ่ว่า Amphoreus ควรจะมอบอำนาจให้ผู้สืบสายเลือดโลหิตทองคำเป็นผู้มีอำนาจในการปกป้อง Amphoreus ต่อไปไหม หรือควรลดอำนาจพวกเขาเพื่อให้สภาอาวุโสมีอำนาจเบ็ดเสร็จในการปกครองแทน
การเดินทางสู่โลกแห่งความตาย และการพบมังกรแห่งความตาย

ด้วยความช่วยเหลือของ Cipher วีรชนผู้ทำตามใจตัวเอง ผู้ที่มีพลังเคลื่อนที่ความเร็วสูง และเชี่ยวชาญด้าน “พิธีกรรมข้ามมิติ” เพื่อพา Castorice และผู้บุกเบิกไปยังแม่น้ำแห่งความตายได้ และที่นั่นทำให้เรารู้ว่าโลกแห่งความตายถูกปิดกั้นทำให้คนตายไม่สามารถไปยังโลกแห่งความตายได้จริง ๆ
เพื่อแก้ไขสิ่งนี้ พวกเขาต้อง “เรียกมังกรแห่งความตาย” ออกมาและทำให้มันสงบลง (เช่นเดียวกับในตำนานของ Amphoreus ที่มังกรเป็นผู้ดูแลประตูแห่งวัฏจักร) ซึ่งมังกรตนนั้นก็คือ น้องสาวของ Castorice ที่ตายไปแล้วและกลายเป็นมังกรผู้พิทักษ์โลกหลังความตาย ที่นั่น Castorice และผู้บุกเบิก พบกับ Mydei ที่สู้จนตายแต่กำลังหาทางกลับไปยังโลกคนเป็นเพื่อไปสู้ต่อกับคลื่นทมิฬต่อ และพบกับ Trianne ที่ตายไปแล้วแต่กำลังรอพบ Castorice และผู้บุกเบิก อยุู่เพราะเชื่อมั่นว่า Castorice และผู้บุกเบิก จะต้องมายังที่นี่
“ไม่มีใครหลีกหนีโชคชะตาของผู้สืบสายโลหิตทองคำได้”

Trianne มอบ “ภาพวาดแห่งมิตรภาพ” ให้กับ Castorice เพื่อเตือนว่า “ช่วงเวลาที่อยู่ร่วมกับผู้อื่นคือคุณค่าของการมีชีวิต” และช่วยให้ Castorice ยอมรับความตายของผู้อื่นและยอมรับภาระหน้าที่ของตนเอง Trianne รู้ดีว่าตัวเองไม่สามารถกลับไปยังโลกคนเป็นได้เพราะร่างเนื้อสลายไปแล้ว จึงได้จากไปยังโลกแห่งความตายด้วยความตั้งใจของตนเอง
ที่นั่น Castorice ได้พบกับน้องสาวตนเองและรู้เรื่องราวของอดีตตนเอง เธอจึงยอมรับการทดสอบจากไททันแห่งความตายร่วมกับน้องสาวตนเองอีกครั้งในโลกแห่งความตาย เพื่อแลกเปลี่ยนบางสิ่งกับพลังชีวิตของผู้บุกเบิก
ผลการทดสอบนั้น ทำให้น้องสาวของ Castorice ยังคงอยู่ในรูปลักษณ์ของมังกร ซึ่งหมายถึงการเป็น “สัญลักษณ์แห่งวัฏจักร” ตลอดไป และ Castorice ต้องอยู่ในโลกหลังความตายตลอดไป เพื่อทำหน้าที่รักษาวัฏจักรแห่งชีวิตและความตายของ Amphoreus
เหตุผลที่ผู้บุกเบิกไม่สามารถรับพลังจากไททันแห่งกาลเวลาได้ในตอนแรก เพราะ “ไม่อยู่ในวัฏจักร” แต่เมื่อ Castorice “สังเวยตัวเอง” เพื่อคืนผู้บุกเบิกสู่ระบบวัฏจักรอีกครั้ง ผู้บุกเบิกจึงกลายเป็น “ผู้ที่สัมผัสเวลา” ได้อีกครั้ง และได้รับพลังจากไททันแห่งกาลเวลาเต็มรูปแบบ กลายเป็น “ผู้สืบสายโลหิตทองคำ” คนใหม่
การพลิกสภาอาวุโส และการสละชีวิตของ Anaxa

Castorice ติดต่อกับ Anaxa ผ่านโลกหลังความตาย พร้อมหลักฐานที่พิสูจน์การมีอยู่ของวัฏจักร Anaxa จึงใช้สิ่งนี้ประกาศต่อสภาอาวุโสว่า:
- ผู้สืบสายโลหิตทองคำต้องเป็นผู้ปกป้อง Amphoreus ต่อไป
- เขาเผยความลับของตนว่าใช้ “การหลอมรวมกับวิญญาณของไททัน” ซึ่งเป็นสิ่งต้องห้าม เพื่อศึกษาโลกหลังความตาย
- เขาขอมอบชีวิตตนเองให้ Aglaea ลงโทษตามกฎหมาย เพื่อแลกกับการยืนยันความจริง (ซึ่งจริง ๆ Anaxa จะต้องตายอยู่แล้ว) และให้พิจารณาบทลงโทษกับผู้นำของสภาอาวุโสที่หมิ่นเทพด้วย

พร้อมกับการเปิดเผยว่า Aglaea ทราบดีอยู่ว่า คนที่จะเป็นผู้นำวีรชนคนต่อไปนั้นก็คือ Phainon ทำให้ทิศทางการปกครองของ Amphoreus ต่อจากนี้จะขึ้นอยู่กับการดูแลของ ผู้สืบสายโลหิตทองคำเช่นเดิม และตามสัญญา Anaxa จึงได้ยอมรับความตายที่มาหาด้วยความปิติยินดีหลังจากที่เขาสามารถล่วงรู้ความจริงของโลกใบนี้และส่งต่อความจริงนั้นให้ได้แล้ว
สถานะของวีรชนปัจจุบัน
- วีรชนที่ยังมีบทบาทหลังเหตุการณ์ใน Amphoreus:
- Aglaea (ผู้นำคนปัจจุบัน)
- ผู้บุกเบิก (ได้รับพลังจากไททันแห่งกาลเวลา Oronyx)
- Trinnon และ Tribbie
- Hyacine
- Cipher
- Phainon (ว่าที่ผู้นำคนใหม่)
วีรชนที่ยังไม่ปรากฏตัวแต่มีการพูดถึงในเนื้อเรื่อง
– Hysllens (คาดว่าถือครองพลังของไททันแห่งมหาสมุทร Phagousa)
– Cerydra (คาดว่าถือครองพลังของไททันแห่งกฏเกณฑ์และความยุติธรรม Talanton)
สถานการณ์ของ March 7th และการเปิดเผยของ Black Swan

ขณะเดียวกัน March 7th ถูกน้ำแข็งครองงำร่าง Black Swan ได้เปิดเผยว่าเหตุผลที่ชี้นำ Astral Express มายัง Amphoreus ก็เพราะ “Path แห่งความทรงจำ” ไม่สามารถมองเห็น Amphoreus ได้ ทำให้ต้องใช้เส้นทางอื่นในการเชื่อมโยง ซึ่งหมายความว่า “ความทรงจำของ March อาจถูกช่วงชิง” บางส่วนไป
ขณะเดียวกัน Welt และ Sunday ไปพบท่าน Herta เพื่อขอให้เธอช่วยติดต่อ Amphoreus จากที่ผู้บุกเบิกกับ Dan Heng ขาดการติดต่อไป ท่าน Herta ได้ใช้องค์ความรู้จากกระจกมิติของตนเองในการส่งต่อร่างจิตตัวเองเข้าไปในดาว Amphoreus จนเจอร่องรอยของ ผู้บุกเบิกกับ Dan Heng ที่ยังปลอดภัยดี แต่การเชื่อมต่อถูกขัดขวางโดย Lygus

Lygus เป็นผู้อาวุโสกิตติมศักดิ์ของสภาอาวุโสของเมือง Okhema และยังเป็น “ผู้เฝ้ามองพิธีศักดิ์สิทธิ์” ซึ่งจะเป็นคนกลางที่คอยปกป้องสิทธิในการออกความเห็นในที่ประชุม แต่นั่นเป็นเพียงบทบาทที่ทำให้เขากลมกลืนไปกับคนในดาว Amphoreus เท่านั้น เพราะหน้าที่ของเขาจริงๆคือ “ผู้เฝ้าดู” ของ Amphoreus ทำหน้าที่ป้องกันไม่ให้มีผู้ใดเข้ามาที่ดาว Amphoreus ได้ และเขาเอง ก็เป็นคนที่เคยอาบไล้การทอดมองจาก Nous (ซึ่งเขาอาจจะเป็น Emanator ของ Path ปัญญา เหมือนกับ The Herta) เขาได้เฉลยว่า Path ที่เกี่ยวข้องกับดาวดวงนี้ Path ที่ 3 คือ “ทำลายล้าง” และหาก The Herta ยังพยายามเข้ามาที่ Amphoreus เธอจะทำลายผนึกของ “ลอร์ดผู้ล้างผลาญ” และความโกรธของเขาจะกลืนกินทั้งกาแล็กซี
การบุกเบิกจำดำเนินต่อไป ในเวอร์ชัน 3.3 นี้!

ในเรื่องราวก่อนหน้า เหล่าผู้สืบสายโลหิตทองได้เก็บเชื้อไฟแห่ง “ความตาย” และ “เหตุผล” กลับคืนมา ในเวอร์ชัน 3.3 ผู้บุกเบิกจะร่วมมือกับเหล่าผู้สืบสายโลหิตทองต่อไป เพื่อเริ่มต้นการต่อสู้ครั้งสุดท้ายของการเดินทางไล่ล่าเปลวไฟอย่างการพิชิตไททันแห่ง “ท้องนภา” ตามบันทึกทางประวัติศาสตร์ Aquila คือนกยักษ์ร้อยนัยนา ใช้ผืนฟ้าเป็นเปลือกตา และควบคุมทิวาราตรีบนโลกมนุษย์
เตรียมพบกับตัวละครใหม่ 5 ดาว Hyacine

ในฐานะหัวหน้าผู้เยียวยาแห่งลานแสงสนธยา Hyacine ทำหน้าที่ดูแลสุขภาพกายใจของกลุ่มไล่ล่าเปลวไฟมาโดยตลอด ความฝันของเธอคือ การเพิ่มเชิงอรรถสำหรับมนุษย์เดินดินธรรมดาลงบนหน้าว่างของมหากาพย์วีรชน และพยายามสุดความสามารถในการรักษาผู้คนทั่วไปทุกคน ในฐานะตัวละครประเภทลมของ Path ความทรงจำ Hyacine เชี่ยวชาญในการฟื้นฟู HP ของทีม และเพิ่มความสามารถในการเอาชีวิตรอด เธอสามารถรักษาต่อเนื่องโดยใช้สกิลและการอัญเชิญ Ica น้อย เมื่อใช้ท่าไม้ตาย Hyacine ไม่เพียงแต่จะฟื้นฟูค่า HP ให้กับทุกคนในทีม แต่ยังเพิ่ม HP สูงสุดของพวกเขาด้วย นอกจากนี้ ทุกครั้งที่ตัวละครฝ่ายเรา นอกเหนือจาก Ica น้อย ถูกศัตรูโจมตีหรือเป็นฝ่ายใช้ HP ของตัวเอง Ica น้อย จะใช้ HP ของตัวเอง และฟื้นฟู HP ให้ตัวดังกล่าวโดยอัตโนมัติ นอกจากการรักษา Ica น้อยยังสามารถโจมตีศัตรู และยิ่งปริมาณการรักษาเพิ่มขึ้นเท่าไหร่ ปริมาณ DMG ที่สร้างก็จะยิ่งแข็งแกร่งขึ้นเท่านั้น
เตรียมพบกับตัวละครใหม่ 5 ดาว Cipher

ในฐานะผู้สืบทอดพลังศักดิ์สิทธิ์แห่ง “เพทุบาย” Cipher ได้แบกรับพลังนี้มานานปี แต่บ่อยครั้งกลับมาเร็วไปเร็วและหาตัวจับได้ยาก ไม่มีใครสามารถหาร่องรอยที่แท้จริงของเธอได้เลย… ในฐานะตัวละครประเภทควอนตัมของ Path ลบล้าง ในระหว่างการต่อสู้ Cipher จะถนัดในการทำให้ศัตรูที่มี HP สูงสุดจำนวนมากที่สุดติดสถานะพิเศษก่อน และบันทึกค่า DMG ที่ตัวดังกล่าวได้รับ เธอยังเป็นฝ่ายเลือกเปลี่ยนเป้าหมายที่จะติดสัญลักษณ์ได้ เพื่อรับมือกับสถานการณ์การต่อสู้อย่างคล่องแคล่ว เมื่อเพื่อนร่วมทีมโจมตีศัตรูที่ติดสถานะพิเศษ Cipher จะปล่อยการโจมตีต่อเนื่องแก่เป้าหมายดังกล่าว และเมื่อ Cipher ใช้งานท่าไม้ตาย เธอจะสร้าง DMG จริงเพิ่มเติมแก่ศัตรูตามค่า DMG ที่บันทึกไว้!
กิจกรรมมากมายรอคอยในเวอร์ชัน 3.3 นี้!




ในเวอร์ชัน 3.3 นอกเหนือจากเนื้อเรื่องที่ดึงดูดใจผู้เล่น และกิจกรรมมากมายหลากหลาย ยังจะนำประสบการณ์แปลกใหม่มาให้ผู้เล่นอีกด้วย ขณะนี้การแข่งขัน Spheroid “ศึกชิงเจ้าความเร็ว” แห่ง Penacony ได้เปิดให้สมัครแข่งขันแล้ว นักแข่งยอดฝีมือต่างตบเท้าเข้าร่วม เพื่อเปิดฉากการประชันฝีมืออันดุเดือด! ในกิจกรรมนี้ ผู้บุกเบิกจะขับรถแข่ง Spheroid เพื่อเข้าร่วมการท้าแข่งความเร็วที่น่าตื่นเต้น ขณะเดียวกัน “ตำนานอัศวินเบสบอลแห่งกาแล็กซี: จอมมาร” ที่ Giovanni ให้ทุนสนับสนุนก็กำลังจะเปิดตัวอย่างเป็นทางการ! ต้องขอบคุณคำแนะนำอันล้ำค่าของผู้บุกเบิกจากการทดสอบภายในครั้งก่อน “ตำนานอัศวินเบสบอลแห่งกาแล็กซี” ที่เปิดตัวแบบทางการ จึงยังคงมีเซตติ้งโลกเป็นแร็กคูนน้อยที่ตามหาไม้เบสบอลเช่นเดิม ในขณะเดียวกันยังได้เพิ่มองค์ประกอบใหม่ที่น่าสนใจ เพื่อนำความท้าทายใหม่มาสู่การต่อสู้ด้วย
เตรียมพร้อมเล่น วันพุธที่ 21 พฤษภาคมนี้!