วางจำหน่ายเป็นที่เรียบร้อยแล้วสำหรับเกม Suicide Squad: Kill the Justice League ที่นำเสนอโลกของเกม DC ในมุมมองของฝั่งตัวร้าย และเป็นภาคต่อของเกมอย่าง Batman Arkham เพียงแต่เราจะเล่นเป็นตัวร้าย ที่ไม่ใช่ฝั่งฮีโร่
สำหรับเกม Suicide Squad: Kill the Justice League จะเล่าเรื่องราวต่อจากเกมภาค Batman: Arkham Knight ซึ่งเป็นจักรวาลของ DC ที่มีการรวมตัวของเหล่าฮีโร่ Justice League แต่ทว่าเรื่องราวกลับตาลปัตร เมื่อเมืองเมโทโปลิสได้กลายเป็นสนามรบ เมื่อเหล่าซุปเปอร์ฮีโร่ถูกตัวร้ายที่มาจากต่างดาว “เบรนนิแอค” ล้างสมองควบคุมจิตใจ เมื่อฮีโร่ไม่ได้เป็นพวกเดียวกับเราแล้ว ความหวังเดียวที่จะสามารถช่วยโลกใบนี้ไว้คือ การเอาตัวร้ายมาเป็นผู้กอบกู้ในภารกิจฆ่าตัวตายที่ยากจะสามารถทำได้ก็คือ “การฆ่าพวก Justice League ให้ได้” โดยที่ไม่สนวิธีการว่าจะถูกหรือผิด
ถ้าเอาเรื่องของคอนเชปต์และเนื้อเรื่องของเกมนั้นเรียกได้ว่าทำออกมาได้ฉีกแนวจากเกมไตรภาคของ Batman Arkham อย่างมากเพราะแทนที่เราจะรับบทเป็นฮีโร่ แต่เรารับบทเป็นตัวร้ายและเป็นวายร้ายที่อันตราย พวกเขาเองก็ไม่ไว้ใจอแมนด้า หัวหน้าของหน่วยอาร์กัสที่ฝังระเบิดเข้าไปในสมองพวกเขาและพร้อมกดฆ่าทิ้งทันทีหากคิดหักหลัง แต่ก็ต้องฝืนใจทำภารกิจที่เหมือนถูกส่งไปตาย แต่พวกเขาก็ได้ใช้ทั้งความสามารถ ยุโธปกรณ์ และอุปกรณ์ของฮีโร่ทางฝั่งของตัวเองมาเป็นข้อได้เปรียบในการต่อสู้กับสมุนของแบรนนิแอค รวมไปถึงฮีโร่ของ Justice League ที่ถูกล้างสมองด้วย อย่าง กรีนแลนเทิร์น, แบทแมน และรวมไปถึง ซุปเปอร์แมน อีกด้วย
ทางด้านเนื้อเรื่องนั้นยังคงไร้ที่ติดสมกับเป็นชื่อของทีมงานที่สร้างผลงานเกมดังอย่างแบทแมนที่ยอดเยี่ยม แต่ด้วยการที่เปลี่ยนมุมมองจากคนช่วยมาเป็นตัวร้าย และก็เป็นตัวร้ายจริงๆ เลยอาจจะทำให้คนเล่นรู้สึกมีความแตกต่างจากเกมภาคก่อนหน้านี้ แต่นอกจากจะเป็นการนำเสนอจักรวาลของ DC เอามาให้มากขึ้นแล้ว เกมยังนำเสนอฉากแอ็กชัน ความดิบเถื่อนของโลกที่ไร้ซึ่งฮีโร่ได้อย่างน่าสนใจอีกด้วย
ระบบเกมนั้นจะแตกต่างจากแบทแมนที่จะเป็นแนวล็อบเร้นตรงจะเป็นเกมแบบตะลุยฉากในแผนที่กว้างใหญ่ มีอาวุธทั้งปืนและโจมตีประชิดและเกมบังคับต้องเล่นทั้งสองวิธี อย่างเช่นถ้าจะทำลายเกราะอีกฝ่ายก็ต้องใช้การโจมตีประชิดอย่างเดียวเท่านั้นแล้วก็เอาปืนเก็บเอา เกมมีระบบอุปกรณ์อย่างเช่นสลิงหรือไอพ่น หรือวาร์ปสปีดฟอร์ชสำหรับการเคลื่อนที่โหนกลางอาาศไปมา ทำให้การต่อสู้จะค่อนข้างอิสระและรวดเร็วเพราะคนเล่นจะมีวิธีหลากหลายในการรับมือศัตรู แต่จะไม่ได้เน้นลอบเร้นอีกแล้วนั่นเอง
เกมจะมีภารกิจและเนื้อเรื่องชี้นำคนเล่น บางช่วงจะบังคับให้ต้องไปทำภารกิจรองก่อนถึงจะสามารถไปทำภารกิจเนื้อเรื่องหลักต่อได้ เกมมีระบบรับของรางวัลซึ่งจะมีสุ่มของตามเกรดต่างๆ เพื่อให้คนเล่นสวมใส่อุปกรณ์ที่เก่งขึ้น รวมไปถึงระบบ Skill tree ที่จะมีการอัปเกรดปลดล็อกความสามารถเพิ่มขึ้นไปอีก และยังมีเควสต์ Daily มาให้ทำกันเรื่อยๆ แน่นอนว่าสามารถเล่นได้ทั้งคนเดียวกับ AI หรือจะเล่นออนไลน์กับเพื่อนแบบ co-op ก็ได้
อ่านดูแล้วเหมือนเกมจะดูดี แต่ถ้าจะให้ว่ากันตรงๆ แล้ว ตัวเกมนั้นจะไม่ได้ดูสมบูรณ์อะไรขนาดนั้น อย่างแรกเลยคือรูปแบบของเกมเพลย์ค่อนข้างจำเจเนื่องจากมีระบบการเล่นต่อสู้แบบเดิมๆ หรือไม่ได้แตกต่างกันเท่าไหร่นัก อีกทั้งเกมจะเป็นประมาณเหมือนเข้ามาทำเควสต์ภารกิจเพื่อฟาร์มของ ทำให้ต้องใช้เวลาเล่นค่อนข้างนาน ซึ่งจะเหมาะกับคนเล่นที่ชื่นชอบการเล่นแบบสายฟาร์ม ตบๆ ตีๆ ศัตรูไปเรื่อยๆ พร้อมเมื่อไหร่ก็ค่อยไปเล่นเนื้อเรื่องหลัก ตรงนี้จะแตกต่างจากตัวเกมแบทแมนที่ไม่จำเป็นต้องไปทำภารกิจรองก็เน้นโฟกัสที่เนื้อเรื่องหลักก็ได้ (ยกเว้นภาคสุดท้ายที่ถ้าอยากเจอฉากจบแท้จริงต้องแก้ไขปริศนาริดเลอร์ให้ครบ หรือ จับคนร้ายให้ครบก่อน) พูดง่ายๆ คือ เกมเหมาะกับคนที่ต้องมีเวลาเล่นนั่นแหละ
แต่ถามว่าเนื้อหาการเล่นนั้นจะคุ้มค่ากับเวลาไหม คำตอบก็คืออาจจะไม่กับทุกคน เพราะถ้าคนเล่นเป็นคนที่แบบไม่อยากมานั่งเล่นแบบสายฟาร์ม อยากโฟกัสที่เนื้อเรื่องหลักก็จะสะดุดตรงนี้ โดยเฉพาะเกมเพลย์ที่ไม่ได้ดูหลากหลายเท่าไหร่ แถมระบบอย่าง Skill Tree ก็ไม่ค่อยมีผลเท่าไหร่ในการปลดล็อกมาเล่นเพราะเกมเน้นใช้ฝีมือเดิมทุนอยู่แล้ว แต่ถ้าหากคนไหนเป็นคนเล่นที่มีเวลา เล่นแบบไม่รีบไม่ร้อน ฟาร์มไปเรื่อยๆ ของพร้อมก็ค่อยไปสู้กับฮีโร่ที่มีพลังเหนือมนุษย์เอาภายหลัง
อีกปัญหาที่คนเขียน และคนเล่น PC หลายๆ คนเจอคือประสิทธิภาพเกมที่ทำออกมาได้ค่อนข้างแย่ ทั้งเฟรมเรตตกร่วง กินทรัพยากรเกินความจำเป็น หรือจู่ๆ เจอฉากโหลดค้างไปไหนต่อไม่ได้ ต้องปิดเกมแล้วเปิดเล่นใหม่และต้องเล่นฉากภารกิจนั้นซ้ำอีกรอบ ทำให้ชวนหงุดหงิดยิ่งกว่าปัญหาประสิทธิภาพเกมของแบทแมนภาคสุดท้ายที่แม้ช่วงแรกในการเปิดตัวเกมจะมีปัญหาด้านประสิทธิภาพ แต่เพราะเกมเพลย์มันสนุกมากเลยสามารถทำให้เล่นต่อไปได้ แต่อันนี้เล่นไปหงุดหงิดไป
แถมอีกปัญหาที่คนเขียน (และคนอื่น) เจอเหมือนกันก็คือการตั้งค่ากราฟฟิกที่ไม่ได้มีการจดในแต่ละอุปกรณ์ไว้ อย่างถ้าคนเขียนจะเอาไปเล่นบน PC พกพาอย่าง ROG Ally ก็ต้องปรับกราฟฟิกเป็นต่ำสุดถึงจะเล่นได้ แต่พอมาเล่นบน PC ตัวหลัก กราฟฟิกดันปรับมาเป็น Low แบบที่ตั้งค่าใน ROG Ally เฉย ต้องมานั่งปรับตั้งค่าใหม่และเกมก็ใช้เวลาในการตั้งค่าค่อนข้างนาน เป็นอีกหนึ่งความหงุดหงิดที่ทำให้คนเขียนจะรู้สึกเสียเวลาถ้าหากจะเอาไปเล่นบนอุปกรณ์พกพาเพราะต้องมานั่งตั้งค่ากราฟฟิกใหม่ทุกรอบ
เอาจริงแล้วในแง่เกมเพลย์ถ้าไม่ได้สนใจอะไรมากจริงก็เป็นเกมที่เล่นได้เพลินๆ อยู่ โดยเฉพาะเนื้อเรื่องที่ทำออกมาได้ดีมากๆ จนทำให้เกมอยากติดตามต่อและทำให้คนเล่นอยากลุ้นว่าปลายทางของเรื่องราวจะเป็นอย่างไร แถมเกมยังมีเซอร์ไพรส์ต่างๆ เอาใจแฟนๆ เกมและ DC กันมาอย่างจัดเต็มไม่มีกั้กด้วย แถมข้อเสียอีกอย่างคือเมืองเมโทรโปลิสจะดูเหมือนสนามเด็กเล่นมากกว่าเมืองในแบบเกมแบทแมนก็ตาม
โดยรวมแล้ว ส่วนตัวคนเขียนมองว่าน่าเสียดายที่เกมไปไม่สุด ทั้งในแง่เกมเพลย์ที่อาจจะไม่ได้หลากหลายเท่าไหร่และประสิทธิภาพของเกมบน PC ที่ทำออกมาแย่ จำเป็นต้องรอทีมพัฒนาเกมอัปเดตแพทซ์แก้ให้เสถียรเสียก่อน แต่สำหรับเกมที่มีโมเดลประมาณเล่นเรื่อยๆ ฟาร์มเรื่อยๆ ด้วยเกมเพลย์เข้าใจง่าย และเนื้อเรื่องที่เข้มข้น นี่จะเป็นอีกหนึ่งเกมที่อยากแนะนำให้ได้ลองเล่นกัน
สำหรับเกม Suicide Squad: Kill the Justice League ได้วางจำหน่ายแล้วทั้งบน PC, PlayStation 5 และ Xbox Series X/S
